ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 6 ผู้หญิงเข้าใจยากทุกยุค
เมื่อตอนวัยรุ่น ผมจำได้ว่าการจีบขิงเป็นเรื่องยาก
 
เธอไม่เคยมองผมเลยในห้องเรียน มีคุยกันบ้างนิดหน่อยตามประสาเพื่อนและหลังจากผมส่งจดหมายรักไปก็เงียบ จนต้องส่งถึงสิบฉบับกว่าเธอจะตอบกลับมา
 
ในช่วงระหว่างนั้น การที่ผมอยากคุยกับเธอจึงมีวิธีการเดียว นั่นก็คือ....
 
การแกล้งขิงในห้องเรียน
 
“พ่อไม่ได้โกรธว่าที่แม่ของหนูในอนาคต ที่ไม่ตอบจดหมายใช่ไหม ถึงได้แกล้งกันแบบนี้?” น้องมีนถามผมแบบงงๆเมื่อเห็นผมแย่งสมุดการบ้านของขิงมานั่งลอกที่โต๊ะ
 
“มันเป็นการหาเรื่องคุยของวัยรุ่นสมัยนั้นน่ะ ผู้ชายอย่างเราแค่โดนผู้หญิงคนที่แอบชอบว่าหรือด่าแค่ไม่กี่คำ แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว” ผมยิ้ม เมื่อเห็นภาพขิงกำลังเข้ามาแย่งสมุดการบ้านกลับแล้วพูดโต้เถียงกัน
 
เรื่องราวที่โรงเรียนยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่บ้านขิงจะยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านจดหมายของผม
 
“โลกของผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากนะ คนหนึ่งชอบแกล้งเพราะอยากโดนด่า อีกคนทำไม่สนใจแต่มานั่งยิ้มตอนอ่านจดหมาย หนูงงไปหมดแล้วจริงๆ” น้องมีนพูดกับผมพร้อมเอามือเล็กๆของเธอกุมขมับ พร้อมทำท่าปวดหัว แก้มยุ้ยๆกับท่าทางที่ดูตลกของเธอ ทำเอาผมเองก็อดขำไม่ได้
 
“บางที...อาจต้องรอหนูโตก่อนถึงจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ ตอนนี้!...ถึงตอนที่พ่อกับขิงจะไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกแล้ว!” ผมพูดกับน้องมีน และชี้ให้เธอดูหนึ่งในฉากสำคัญของชีวิต
 
การไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกกับผู้หญิงหรือที่สมัยนี้เรียกกันว่า”เดท” นั่นเอง
 
หลังจากขิงยอมตอบจดหมายของผม เราสองคนก็แอบติดต่อกันทางจดหมายทุกวันโดยไม่มีใครรู้ แน่นอนว่าในห้องเรียนผมยังคงแกล้งขิงอยู่เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย เพราะสมัยก่อนวัยรุ่นจะอายมากถ้ามีใครล้อว่าเราเป็นแฟนกัน เรื่องการเป็นแฟนกันในวัยเรียนจึงต้องพยายามไม่ให้ใครรู้
 
โดยเฉพาะ....ที่บ้าน
 
บ้านของขิงเป็นครอบครัวข้าราชการ พ่อเป็นทหารยศนายพัน แม่เป็นครู ดังนั้นครอบครัวนี้จึงเคร่งเรื่องกฎระเบียบมาก โดยเฉพาะเรื่องการมีแฟนในวัยเรียน!
 
“จำไว้นะขิง ลูกต้องตั้งใจเรียนและสอบให้ติดคณะแพทย์ให้ได้ จะได้เป็นหมอสมกับที่ตั้งใจไว้” พ่อของขิงที่เป็นนายทหารพูดขึ้นตอนนั่งทานข้าวมื้อเย็น
 
“ค่ะพ่อ!” ขิงตอบสั้นๆแล้วรีบทานข้าวทันที
 
ส่วนแม่ของขิงก็เป็นช้างเท้าหลังที่ดี ดูแลบ้าน ทำอาหาร ทำงาน เรียกได้ว่าไม่มีอะไรบกพร่อง โดยเฉพาะเรื่องของการที่ไม่เคยขัดใจพ่อของขิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
 
นั่นอาจเป็นสาเหตุ...ที่ทำให้ขิงชอบผม
 
ผู้ชายที่ดูสบายๆ...และไม่สนใจกฎเกณฑ์ของโลก
 
หลังรวบรวมความกล้ามานาน ในที่สุดผมก็ชวนขิงไปดูหนังด้วยกัน
 
ตอนนั้นหนังเรื่อง “วัยอลเวง” กำลังโด่งดังมาก วัยรุ่นทุกคนอยากไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่พระเอกไม่ได้ร่างกายกำยำ ต่อยตีเก่ง แต่เป็นคนผอมเกร็ง และกวนๆ
 
ยุคนั้นหนังเรื่อง “วัยอลเวง” ทำรายได้ไปถึงแปดล้านบาทซึ่งถือว่ารายได้สูงที่สุด หากเปรียบเทียบก็คงประมาณหนังไทยที่มีรายได้ระดับร้อยล้านในยุคนี้
 
สมัยก่อนโรงหนังจะเป็นโรงใหญ่แบ่งเป็นสามชั้น เรื่องเดียวฉายวนทั้งวัน ถ้าคุณซื้อตั๋วแล้วก็เข้าได้เลยไม่ต้องรอให้หนังจบก่อน ถ้าหากเข้าไปกลางเรื่องก็ต้องนั่งดูให้จบก่อน แล้วค่อยดูรอบใหม่ตั้งแต่ต้นจนถึงช่วงที่ได้ดู หรือจะนั่งวนดูทั้งวันก็ได้
 
ด้วยแฟชั่นของยุคนี้ทำให้วันนัดเดท ผมจึงงัดชุดที่คิดว่าหล่อที่สุดออกมา ซึ่งก็คือกางเกงขาบานและเสื้อเชิ้ตแบบพอดีตัว ส่วนขิงก็มาในชุดกระโปรงบานสีขาวพร้อมที่คาดผม
 
ด้วยความที่นัดสาวมาเที่ยวครั้งแรกก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ในใจคิดว่าถ้าเข้าไปแล้วก็คงจะจับมือขิงในโรงหนัง เหมือนที่ผู้ชายคนอื่นๆคิด
 
ไอ้ความคิดแบบนี้ของผู้ชาย...ก็เป็นเหมือนกันทุกยุค ฮ่าๆๆ
 
แต่พอเข้ามาจริงๆ ความคิดผมก็เปลี่ยนไป...เพราะเนื้อเรื่องในหนัง  
 
พระเอกมาจากต่างจังหวัดแล้วชอบนางเอกแต่โดนพ่อของนางเอกกีดกันและขัดขวาง  พระเอกผอมแห้งกวนประสาท ส่วนนางเอกก็แก่นแก้ว มันช่างคล้ายกับชีวิตของผมและขิงมากเหลือเกิน
 
และนี่....ก็ถือเป็นการดูหนังครั้งแรกของผมเช่นกัน ความรู้เรื่องอาชีพกระเป๋ารถเมล์ในฝันของผมได้เปลี่ยนไป เพราะในหนังเรื่องนี้พระเอกเรียนนิติศาสตร์และรู้เรื่องกฎหมายดีมาก
 
มันทำให้ผมเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตทันที!
 
“ขิง! ถ้าเราเรียนจบม.ปลายเราอยากเรียนนิติศาสตร์ เราอยากเป็นเป็นทนายความ” ผมพูดกับขิงขณะที่เรานั่งทานไอศครีมกันที่ร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
 
ขิงตกใจที่ได้ยินผมพูดแบบนี้ เพราะเธอยังคิดว่าคนอย่างผมยังอยากเป็นกระเป๋ารถเมล์ตามที่ตั้งใจ
 
.”ธีย์! แน่ใจนะ เพราะเรียนกฏหมายก็ต้องเรียนเก่งเพราะตำรากฏหมายยากมาก ต้องจำเยอะ!” ขิง เตือนผมด้วยความหวังดี
 
“แน่ใจสิ! เมื่อก่อนโลกเราแคบมาก เลยอยากเป็นแค่กระเป๋ารถเมล์ ตอนนี้เราเปลี่ยนใจแล้ว แต่ว่า.......” ผมพูดยังไม่จบประโยคก็หยุดพูดต่อ
 
“แต่ว่าอะไรหรือ?” ขิงสงสัยในประโยคที่ผมพูดค้างไว้
 
“แต่ขิงต้องเป็นแฟนเรานะ จะได้ช่วยสอนการบ้านเราให้เราสอบติดคณะนิติศาสตร์” ผมพูดแล้วก็ยิ้มออกมา พร้อมควักดอกกุหลาบสีแดงแจ๋ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายให้ขิง
 
ถึงจะมีแค่ดอกเดียว! แต่ผมก็อุตส่าห์นั่งรถไปหาซื้อจากปากคลองตลาดเลยนะนี่!
 
ขิงมองดอกกุหลาบสีแดงในมือ แล้วก็หน้าแดง อายม้วนอยู่นาน ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบไปแล้วพยักหน้า
 
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นการเป็นแฟนกันของผมกับขิง!
 
“ทำไมดูง่ายจัง! หนูนึกว่าจะมีการจีบที่สนุกกว่านี้” น้องมีนมองภาพผมกับขิงมอบดอกกุหลาบให้กันแล้วถามขึ้น
 
“รูปแบบของความรัก บางทีมันก็อยู่ที่วัยกับยุคสมัยด้วยน่ะ ยุคนี้พอไม่มีเทคโนโลยี ชีวิตก็เลยดูเรียบง่ายค่อยๆดำเนินต่อไป” ผมพูดแล้วก็ยิ้ม ในสมองจำความรู้สึกของวันนี้ได้ชัดเจนว่ามีความสุขมากแค่ไหน
 
“ชีวิตรักตอนนี้ของพ่อตอนนี้ก็ดีนี่ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาเลยนะ?” น้องมีนถามผมด้วยดวงตากลมแป๋วพร้อมแก้มยุ้ยๆที่น่าหยิกของเธอ
 
“เรื่องราวมันเริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่วันนี้นี่แหละ!” ผมมองภาพแห่งความสุขในวันนี้ แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง
 
หลังจากวันนั้นที่ขิงตอบรับเป็นแฟนกับผม ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นจนเพื่อนๆเริ่มแซว ซึ่งผมและขิงก็ไม่สนใจแล้ว เราปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้ที่บ้านของเรารู้ก็พอ
 
ทุกวันขิงจะใช้เวลาสอนการบ้านผม ซึ่งทำให้ผลการเรียนของผมค่อยๆดีขึ้น แต่ความสุขนั้นมักจะสั้นเสมอ ด้วยความที่พื้นฐานครอบครัวของเรานั้นต่างกัน บ้านของขิงเป็นข้าราชการ จะทำอะไรต้องเป๊ะและรักษากฎ ในขณะที่บ้านของผมทำสวนและมีนิสัยแบบสบายๆ    
 
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความแตกต่างนั้นก็เด่นชัดขึ้นมา
 
ตอนนั้นเอง! ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกว่าขิง....เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม!
 
..........................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 7 ประโยคบอกเลิกสุดคลาสสิค