ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 7 ประโยคบอกเลิกสุดคลาสสิค
“สุขาอยู่หนใด......สุขาอยู่หนใด” ผมนั่งดีดกีตาร์ ร้องเพลงดังจากหนังเรื่อง “วัยอลเวง” หลังจากที่ซ้อมเล่นอยู่นานเพื่อให้ขิงประทับใจ
 
ตอนนี้เป็นเวลาใกล้สอบเอนทรานซ์ในสมัยก่อนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ขิงใช้เวลาช่วงวันหยุดมาสอนหนังสือให้ผมบ่อยขึ้น
 
“ธีย์เลิกเล่นแล้วมาอ่านหนังสือได้แล้ว ภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ของธีย์คะแนนยังไม่ค่อยดี ต้องหมั่นทำข้อสอบเก่าเยอะๆแล้วจำให้ได้” ขิงยกข้อสอบเก่าปีก่อนๆมาให้ผมทำและคอยอธิบายข้อที่ผิดเพื่อให้ผมเข้าใจมากขึ้น
 
“ขิงไม่ต้องเครียดมากก็ได้มั้ง ตอนนี้ธีย์ก็เรียนดีกว่าเดิมเพราะขิงแล้วนะ ถ้าสอบไม่ได้เดี๋ยวธีย์ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเปิดก็ได้” ผทพูดเพื่อให้ขิงสบายใจ เพาะหากเข้ามหาวิทยาลัยแบบเปิดไม่ได้ ผมก็ยังมีทางเลือกอื่น
 
“ไม่ได้หรอกธีย์! เราสองคนคุยกันแล้วว่าจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ธีย์ต้องทำให้ได้นะ” ขิงพูดกับผมด้วยท่าทางจริงจัง
 
“แต่ถึงจะเรียนอยู่คนละที่ พวกเราก็ยังนัดเจอกันได้นะ” ผมวางกีตาร์ลงแล้วไปนั่งใกล้ๆขิง
 
“มันไม่เหมือนกัน! และที่บ้านขิงมองว่าคนจบมหาวิทยาลับเปิดคือคนที่ไม่เก่ง” ขิงตอบและมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ที่ผมไม่ตั้งใจเข้ามหาวิทยาลัยปิด
 
“พ่อ! ทำไมแม่ขิง ต้องโกรธด้วย?” น้องมีนถามผมหลังจากเห็นเหตุการณ์ ตอนนี้เธอชอบขิงมากจนเรียกว่าแม่ขิง
 
“แม่ขิงเขาอยากให้พ่อได้ดีน่ะ! เลยเข้มงวดเป็นพิเศษ แต่พ่อในตอนวัยรุ่นไม่ชอบแบบนี้ เราจึงทะเลาะกัน” ผมอธิบายให้น้องมีนฟัง พลางมองภาพผมและขิงกำลังทะเลาะกัน
 
ภาพในความทรงจำของผมก็คือ หลังจากตกลงเป็นแฟนกัน ขิงก็เริ่มจู้จี้กับชีวิตผมมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกผมก็รู้สึกดี แต่เวลาผ่านไป ผมกลับรู้สึกเหมือนมีแม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน จึงเริ่มไม่ชอบที่ขิงห้ามผมทำหลายๆอย่างในอดีต
 
อารมณ์วัยรุ่นในตอนนั้น ทำให้ผมเองไม่เคยรู้เลยว่าขิงเสียสละเพื่อผมมากแค่ไหน
 
การออกนอกบ้านของผมเป็นเรื่องง่ายๆ แต่สำหรับขิงมันเป็นเรื่องยากมาก
 
"ออกไปข้างนอกอีกแล้ว! การบ้านทำเสร็จแล้วหรือยัง แล้วจะออกไหน?” แม่ของขิงถามขึ้นเมื่อเห็นขิงกำลังจะออกมาข้างนอกเพื่อติวหนังสือให้ผม
 
“การบ้านเสร็จแล้วค่ะแม่ วันนี้มีติวหนังสือกับเพื่อนๆค่ะ ที่โรงเรียนหนูไปก่อนนะคะ!”ขิงต้องโกหกแม่ทุกครั้ง ว่ามาติวหนังสือกับเพื่อน ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอมาสอนหนังสือให้ผมนั่นเอง
 
บ่อยครั้งที่ผมและน้องมีนตามไปดูขิงที่บ้าน แล้วต้องเห็นขิงร้องไห้เพราะความประพฤติของผมที่ยังไม่รู้จักโต
 
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ผมทะเลาะกับขิงแล้วทำให้ขิงต้องเสียใจ
 
“เราแค่หวังดีอยากให้ธีย์สอบติด เราผิดตรงไหน?” ขิงร้องไห้ พลางมองรูถ่ายของเราสองคนในมือและพูดความในใจ
 
ผมดูภาพนี้ด้วยความหดหู่และโทษตัวเองสมัยวัยรุ่น
 
“พ่อ! แล้วทำไมแม่ขิงถึงไม่บอกพ่อตรงๆล่ะ ว่าหวังดี?” น้องมีนถามอีก
 
“แม่ขิงเป็นคนฉลาดน่ะ เธอรู้ว่าถึงบอกไปคนอย่างพ่อก็ไม่เข้าใจ จึงต้องใช้วิธีกึ่งๆบังคับ พ่อถึงจะยอมทำตาม” ผมอธิบายเรื่องราวให้น้องมีนฟังและเริ่มเข้าใจความรักสมัยวัยรุ่น ในอีกแง่มุมหนึ่ง
 
สมัยก่อนทุกครั้งที่ทะเลาะกันผมจะโกรธขิงมาก และจัดให้เธอเป็นพวกเผด็จการ ชอบให้คนอื่นอยู่ใต้คำสั่ง ลามไปถึงพ่อและแม่ของเธอที่สอนลูกแบบนี้
 
 พอรู้ความจริงแบบนี้..ก็รู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ
 
ยิ่งมารู้ชีวิตในแต่ละด้านของขิงทำให้ผมรักเธอมากขึ้นไปอีก เพราะมีผู้ชายหลายคนมาจีบเธอเยอะมากแต่เธอไม่สนใจเลย แม้บางคนจะเป็นนักเรียนนายร้อยหนุ่มรูปหล่อ ลูกชายเพื่อนของพ่อเธอก็ตาม
 
“น้องขิงกลับมาแล้วหรือครับ วันนี้พี่มาเยี่ยมคุณพ่อน้องขิง เลยซื้อขนมมาฝากน้องขิงด้วยนะ” พี่ก้องนักเรียนนายร้อยหนุ่มรูปงาม ฐานะดี ที่แวะเวียนมาชายขนมจีบอยู่เสมอพูดขึ้น พร้อมด้วยการเงยใบหน้าที่สิบห้าองศาเหมือนพระเอกสมัยก่อนพูดกับนางเอก
 
“สงสารแม่ขิง! ถ้าเป็นหนูนะ เลือกพี่ก้องคนนี้ดีกว่า ทั้งหล่อ ทั้งรวย ดูมีอนาคตกว่าพ่ออีก” น้องมีนพูด ขณะมองพี่ก้องยิ้มเห็นฟันและรักษาองศาของการเอียงใบหน้าที่สิบห้าองศาอยู่ตลอดเวลา
 
“พ่อเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!” ผมเห็นด้วยกับความคิดของน้องมีนและสงสารขิงมากขึ้น ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม แม้แต่...อนาคตของตัวเอง
 
ยิ่งใกล้สอบปลายภาคและสอบเอ็นทรานซ์ ผมและขิงก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้น หลักๆก็คือเรื่องที่ผมไม่ตั้งใจอ่านหนังสือนั่นแหละ!
 
“ขิงจะเอาอะไรนักหนา! แค่นี้ธีย์ก็อ่านหนังสือมากกว่าที่อ่านมาทั้งชีวิตแล้ว ธีย์ไม่ได้เรียนเก่งเหมือนขิงนี่ จะได้จำทุกอย่างได้”
 
“ถ้าธีย์รู้ว่าหัวไม่ดี ก็ควรหยุดเล่นกีตาร์ตอนอ่านหนังสือได้แล้ว มันไม่ได้ดูดีเลย แถมขิงยังรำคาญอีกด้วย”
 
“ที่ธีย์เล่นก็เพราะว่าไม่อยากให้ขิงเครียด! และมันเป็นสิ่งเดียวที่ธีย์ทำได้ดี!”
 
“ธีย์อย่าหาข้ออ้างเลย! ธีย์เรียนดีขึ้นได้ถ้าตั้งใจ แต่ธีย์ไม่ทำ! เอาแต่ดีดกีตาร์ร้องเพลงทั้งวัน ขิงลำบากนะกว่าจะออกจากบ้านมาสอนธีย์ได้”
 
“ถ้าลำบากมากนัก ขิงก็ไม่ต้องสอนธีย์อีกต่อไปแล้ว ธีย์ไม่อยากเป็นนักกฎหมายแล้ว เพราะมันทำให้ขิงต้องลำบาก”
 
“แล้วธีย์จะเข้าคณะอะไร?” ขิงถามผม
 
“ธีย์จะกลับไปเป็นกระเป๋ารถเมล์เหมือนเดิมดีกว่า ไม่ต้องใช้วุฒิอะไรสูงๆด้วย มันคงเหมาะกับคนสบายๆแบบธีย์ “ ผมตอบขิง
 
“ธีย์ไม่นะ! ธีย์จะทิ้งอนาคตดีๆ เพราะทะเลาะเรื่องเล็กๆแบบนี้ไม่ได้นะ!” ขิงพูดขึ้นและเริ่มร้องไห้
 
ผมและน้องมีนมองหน้ากันแล้วเห็นด้วยกับคำพูดของขิง ในใจของผมเริ่มเกลียดความงี่เง่าของตัวเองในตอนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
 
“ขิง! ธีย์คิดมานานแล้ว ว่าอันที่จริงเราสองคนไม่เหมาะกันหรอก ขิงดีเกินไปสำหรับธีย์ เราเลิกกันเถอะ!” ตัวผมในอดีต บอกเลิกขิงในวันนี้ พร้อมหยิบกีตาร์เดินออกมาโดยไม่ฟังเหตุผลใดใดจากขิง ปล่อยให้ขิงนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ใต้ต้นไม้
 
และตามสูตรของหนังรักเวลาเลิกกัน ไม่นานฝนก็ตกลงมา!
 
ขิงนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนผมเดินตากฝนกลับบ้านเหมือนพระเอกมิวสิควีดีโอ
 
“น้องมีนครับ! มีวิธีที่ทำให้พ่อสามารถตบหัวตัวเองในอดีตบ้างไหมครับ?” ผมถามน้องมีน ขณะที่หมั่นไส้ความประพฤติของตัวเองในอดีต
 
“หนูก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ! แต่ทำไม่ได้” น้องมีนทำหน้ามุ่ยมองตัวผมในอดีตตากฝนกลับบ้าน
 
จากนั้นไม่นาน! ผมและขิงก็สอบปลายภาคและสอบเอนทรานซ์ โดยที่เราสองคนไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยตั้งแต่วันบอกเลิกจนกระทั่งผมอายุห้าสิบ
 
ขิงสอบเข้าคณะแพทย์และได้เป็นหมอสมใจ ส่วนผมไม่ได้ไปเป็นกระเป๋ารถเมล์หรอก ผมก็สอบเอ็นทรานซ์เช่นกันและได้ไปอยู่คณะเกษตร
 
โดยเปลี่ยนความฝัน....จากนักกฎหมาย มาช่วยที่บ้านทำสวนผัก
 
หลังจากดูความทรงจำช่วงนี้ไปสักพักผมและน้องมีน ก็ออกมาข้างนอกเพื่อเตรียมเขาไปดูความรักครั้งต่อไป
 
ความรัก...ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยนั่นเอง!
...................................
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 8 อนาคตเปลี่ยนเพราะผู้หญิง