ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 11 ความในใจ
สมัยตอนที่ผมเรียนเกษตร ตอนนั้นเมืองไทยก็ยังมีหน้าหนาวอยู่นะ
 
พอถึงช่วงปลายปีเหล่านักศึกษาก็เริ่มใส่เสื้อกันหนาวกันแล้ว  
 
เมื่อมองภาพแบบนี้ก็ทำเอาผมคิดถึงฤดูหนาวของเมือไทย และอดสงสัยไม่ได้ว่าอยู่ดีๆ เมืองไทยไม่มีฤดูหนาวได้อย่างไร
 
“ฮัดชิ้ว!” น้องมีนเองแม้จะอยู่ในร่างวิญญาณ แต่พออยู่ในความทรงจำก็ได้รับความหนาวตามไปด้วย
 
“เอาเสื้อกันหนาวอีกไหม เดี๋ยวพ่อเอามาเพิ่มให้?” ผมถามน้องมีนที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กขี้หนาว
 
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ! หนูชอบอากาศเย็นๆ ใส่เสื้อแล้วดูเหมือนตุ๊กตาดี ” น้องมีนยิ้มตาหยี จนผมเริ่มรู้สึกว่าความสุขของการมีลูกแบบนี้ก็ไม่เลวเลย
 
“แล้วพ่อกับแม่ขมิ้นเริ่มเป็นแฟนกันตอนไหน?” น้องมีนถามขึ้น
 
“ช่วงนี้แหละครับ อีกเดี๋ยวก็จะเห็นแล้ว!” ผมตอบน้องมีน แล้วมองไปที่คู่วัยรุ่นชายหญิงที่กำลังขี่จักรยานกันอยู่
 
ชีวิตในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็ใช้จักรยานนี่แหละ! ที่ช่วยในการเดินทาง ผมเองก็ขอจักรยานเก่าที่บ้านมาคันหนึ่งเอาไว้ใช้ และตั้งชื่อว่า “คุณบุญส่ง”
 
“ขอนไม้! แกเคยได้ยินตำนานของที่นี่ไหม ที่ว่าหากชายหญิงคู่ใดได้ขี่จักรยานแล้ววิ่งมาบนถนนเส้นนี้ จะได้เป็นแฟนกัน” ขมิ้นถามผม ขณะที่กำลังนั่งซ้อนท้ายและผมเป็นคนขี่จักรยาน
 
“เคยสิ! แล้วแกเคยได้ยินไหมว่าถ้าขี่เลยถนนเส้นนี้ไป แล้วเข้าไปอีกถนนเส้นหนึ่ง คนที่คบกั... ก็จะเลิกกัน” ผมตอบขมิ้น
 
“เคยๆ! แกว่ามันจะเป็นเรื่องจริงไหม?” ขมิ้นถามอีก
 
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง! ป่านนี้แกกับเราเป็นแฟนและเลิกกันไปหลายรอบแล้วล่ะ! เรื่องไร้สาระน่ะ สาวห้าวอย่างแกไม่น่าจะเชื่อเรื่องพวกนี้นะ” ผมตอบขมิ้น
 
ทุกๆ มหาวิทยาลัยมักจะมีเรื่องตำนานและความเชื่อแตกต่างกันไป เรื่องถนนคู่รักและถนนที่เลิกรากันก็เป็นความเชื่อของมหาวิทยาลัยผมเช่นกัน รวมถึงเรื่อง..........
 
“เฮ้ย! ขอนไม้ จอดๆๆ!!!” ขมิ้นร้องส่งเสียงดัง จนผมเบรค “คุณบุญส่ง” แทบไม่ทัน
 
เอี๊ยดดด!!
 
“แกโวยวายอะไรวะ! คุณบุญส่งยิ่งเก่าๆอยู่ เดี๋ยวล้อหลังแซงล้อหน้าจะทำอย่างไร?” ผมตะโกนไล่หลังขมิ้น ที่ตอนนี้วิ่งไปที่กลางถนนและกำลังเดินกลับมา
 
“ขอนไม้! ดูนี่สิ!” ขมิ้นถือของบางอย่างแล้วยื่นให้ผมดู
 
“เชรี้ยยย! เต่านี่หว่า!” ผมตกใจจนต้องอุทานขึ้นมา เมื่อเห็นเต่าตัวเล็กๆ ในมือเธอ
 
ก็จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรล่ะครับ! ก็ที่มหาวิทยาลัยของเรามีตำนานความเชื่ออีกเรื่องหนึ่งว่า...หากนักศึกษาคนไหนเห็นเต่า จะเรียนไม่จบในสี่ปี ดังนั้นจึงมีนักศึกษาหลายคนที่หันหน้าหนีเวลาเจอบ่อน้ำ เพราะไม่อยากเห็นเต่า
 
แต่ตอนนี้ เต่าตัวเป็นๆกำลังยื่นหน้าอยู่ตรงหน้าผม
 
“ขมิ้น! แกไม่เคยได้ยินตำนานเรื่องเต่าเหรอ ที่บอกว่าถ้าเห็นเต่าที่นี่จะเรียนไม่จบในสี่ปี นี่แกจับมาตัวเป็นๆ สงสัยไม่ใช่สี่ปีแล้วล่ะ!” ผมพูดกับขมิ้นหลังถอยห่างออกมาด้วยความกลัว
 
“นี่ขอนไม้! เมื่อกี้แกยังบอกเราอยู่เลยว่าอย่าไปเชื่อเรื่องพวกนี้ แล้วเต่านี่ก็นอนหงายท้องแถมกระดองก็ร้าวเหมือนโดนรถทับ ถ้าไม่ช่วยมันต้องตายแน่ๆเลย! น่าสงสารออก” ขมิ้นมองดูเต่าตัวน้อยด้วยแววตาสงสาร
 
“แล้วแกจะทำไงต่อ?” ผมถามขึ้นแล้วมองเจ้าเต่าตัวน้อยในมือขมิ้น
 
“ก็เอาไปรักษาก่อน! แกรู้จักคนเยอะนี่ เอาไปให้เพื่อนแกที่อยู่เรียนสัตวแพทย์รักษาก่อนก็ได้” ขมิ้นขอร้องผม
 
ที่จริงก็แปลก! แม้ผมจะเรียนไม่เก่งและหน้าตาก็ธรรมดา แต่ผมมีเพื่อนเยอะมากซึ่งเป็นตั้งแต่สมัยมัธยม พอมาเรียนต่อที่นี่ก็ยังมีเพื่อนเยอะเหมือนเดิม
 
“แล้วถ้ารักษาเสร็จแล้วล่ะ!” ผมถามขมิ้นต่อ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอที่เหมือนในวันมีเรื่องที่ร้านลาบ ใจคอของผมก็เริ่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่
 
“นายก็เลี้ยงไว้ก่อน! ถ้ามันหายดีแล้วค่อยเอาไปปล่อยไง” ขมิ้นเฉลยความหมายของรอยยิ้มนั้น
 
“หา! แกจะให้เราเลี้ยงเต่า!!!” ผมตกใจมากขึ้น แค่เห็นเต่ายังเรียนไม่จบภายในสี่ปี ถ้าถึงขนาดเลี้ยงสงสัยจะเรียนไม่จบแน่ๆ
 
หลังจากขมิ้นยกแม่น้ำทั้งห้ามาชักจูงผม ไม่นานผมก็ตอบตกลงและพามันไปหาเพื่อที่คณะสัตวแพทย์ ซึ่งเพื่อนของผมในคณะนี้ก็ตอบรับด้วย.........
 
“เชรี้ยยย! เต่า!” ทุกคนในคณะที่นั่งอยู่ต่างอุทานขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นของในมือ จากนั้นคนเกือบสิบคนที่นั่งอยู่ก็วิ่งหายไปจนหมด
 
เอิ่มม! บางทีผมก็เริ่มสงสารเต่าแล้วล่ะ!
 
ในที่สุดเพื่อนต่างคณะของผมก็ยินดีช่วยเหลือ ผมกับขมิ้นก็ขี่จักยานออกมาและจะไปส่งเธอที่หอพัก
 
“ขอนไม้! แกจะตั้งชื่อเต่าตัวนี้ว่าอะไร?” ขมิ้นถามขึ้น
 
“จักรยานชื่อคุณบุญส่ง! เจ้าเต่านี่ชื่อคุณบุญทิ้งแล้วกัน!” ผมตอบขมิ้น เธอพยักหน้าและไม่ค้านต่อ
 
“ขอนไม้! แกรู้ตัวไหม ว่าแกเป็นคนใจดีมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่เคยปฏิเสธ” ขมิ้นพูดขึ้น ขณะที่กำลังเล่นกับเต่า
 
“ไม่รู้สิ! เราคงชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากเกินไปมั้ง” ผมตอบและปั่นจักรยานต่อ
 
“ตอนนี้แกชอบใครบ้างไหม เดี๋ยวเราช่วยติดต่อให้” ขมิ้นถามเรื่องความรักกับผม
 
“ไม่รู้ว่าชอบไหม! แต่ถ้าคิดถึงน่ะมีอยู่” ผมตอบขมิ้น
 
“จริงดิ! แกคิดถึงสาวคนไหนบอกเราหน่อยสิ!” ขมิ้นถามด้วยความอยากรู้
 
“เราบอกชื่อเค้าไม่ได้หรอก เราอายน่ะ!” ผมตอบขมิ้นตามตรง
 
“บอกมาๆๆ เราอยากรู้!” ขมิ้นรบเร้าให้ผมบอกเธอให้ได้
 
“เราบอกชื่อเค้าไม่ได้....แต่คนที่เราคิดถึงทุกวันน่ะ หน้าตาเค้าเหมือนกับแกเลย!” ผมพูดตามความจริง เพราะถึงผมจะเจอกับขมิ้นแทบทุกวัน แต่ตอนนี้ในใจผมก็คิดถึงแต่เธอ
 
เพราะต้องปั่นจักรยาน ผมจึงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของขมิ้นที่กำลังแดงและยิ้มอย่างมีความสุข
 
“ขอนไม้!” ขมิ้นเรียกชื่อผม
 
“มีอะไรหรือ?” ผมถามกลับ
 
“มา...มาเป็นแฟนกันมั้ย?” ขมิ้นพูดเบาๆ
 
เอี๊ยดดดดดด!!!!!!!!!
 
ผมเบรคคุณบุญส่งแทบจะทันที จนหัวแทบทิ่ม!!
 
คุณพระช่วยกล้วยทอด! ประโยคนี้! น่าตกใจกว่าเจอเต่าเป็นร้อยตัว!!!
 
................................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 12 โลกสีชมพู