ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 15 การเยียวยา
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับขมิ้นอีกเลย เพราะเริ่มไม่ถูกว่าจะทำตัวอย่างไร ได้แต่มองหน้าแล้วยิ้มให้กันแบบฝืนๆ
 
คนที่ผมคุยบ่อยที่สุดช่วงนี้ก็คือพี่ชัย รุ่นพี่ว๊ากที่จบไปแล้ว แต่แวะมาเยี่ยมผมอยู่บ่อยๆ หลังรู้ว่าผมเลิกกับขมิ้น
 
“พี่บอกแล้วว่าให้ฝึกทนๆไป ผู้ชายอย่างเราเชื่อเมียไว้ได้ดีทุกคน” พี่ชัยทำเสียงป้อแป้ หลังจากเลี้ยงเหล้าผมที่ร้านลาบแถวมหาวิทยาลัย
 
ร้านเดิมที่ขมิ้นเคยเตะก้านคอผู้ชาย จนกลายเป็นตำนาน
 
ผมนั่งโต๊ะตัวเดิมในวันที่เกิดเรื่องและหวนนึกถึงภาพเก่าๆ ที่ผมมีความทรงจำร่วมกันกับขมิ้น
 
จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง จนพี่ชัยตกใจ
 
“ขอนไม้! เอ็งเป็นอะไรบอกพี่ ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียว เดี๋ยวพี่หาแฟนใหม่ให้นะ โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง” พี่ชัยปลอบผมเหมือนเด็กๆ ทำให้ผมเองรู้สึกดีกับแกและปรึกษากับแกทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องความรัก
 
อันที่จริง! ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจหรอก ความรู้สึกมันเหมือนเหงา เพราะบางสิ่งที่คุ้นเคยหายไป จนอธิบายความรู้สึกไม่ถูก มันคงเป็นอาการอกหักระยะสอง หลังจากผ่านความเสียใจอันหนักหน่วง
 
พี่ชัยแกจบแล้วก็ไปสอบเป็นเกษตรอำเภอในจังหวัดบ้านเกิด และแกก็สอบติดได้เป็นเกษตรอำเภอสมใจ ได้ข่าวว่าบ้านแกเลี้ยงฉลองกันสามวันสามคืนเลยทีเดียว และยกย่องให้แกเป็นลูกคนโปรดที่สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล
 
ช่วงนี้ผมดื่มหนักมากขึ้นเพราะพี่ชัยมาเยี่ยมผมบ่อย แต่ข้อดีก็คือแกช่วยติวให้ผมด้วยว่าเวลาสอบเป็นเกษตรอำเภอต้องสอบอะไรและอ่านตรงไหนบ้าง ทำให้ผมขอบคุณแกจนทุกวันนี้
 
เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ ไม่นานพวกเราก็จบมหาวิทยาลัยและรับปริญญา
 
ผมได้ถ่ายรูปคู่กับขมิ้นในวันรับปริญญา โดยพ่อของผมเป็นถ่ายให้ด้วยกล้องฟิล์มในสมัยนั้น มันเป็นรูปเดียวที่ผมใช้ความกล้าขอเธอถ่ายด้วยกัน และเป็นรูปเดียวที่รวบรวมความรู้สึกหลังจากเราสองคนเลิกกัน
 
ในใจผมคิดว่าสักวัน ผมจะมอบรูปใบนี้ให้เธอ ไม่ว่าตอนนั้นผมจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม
 
แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกเลย
 
............................
 
“สงสารแม่ขมิ้นนะ ถ้าพ่อรวบรวมความกล้าง้อต่อไป ก็คงไม่ต้องเลิกกันแบบนี้” น้องมีนลูกสาวของผมในอนาคตบ่นกับผม หลังจากพวกเราออกจากความทรงจำมายืนอยู่ข้างเตียงที่เดิม
 
“ตอนนั้นพ่อคงจะยังเด็กเกินไป และคิดว่าการคบกันจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกของเธอด้วย เลยเป็นแบบนั้น” ผมอธิบายให้น้องมีนฟัง
 
“แล้วสรุปพ่อได้เป็นเกษตรอำเภอสมใจไหม?” น้องมีนถามผม ตากลมโตของเธอส่งสัญญาณว่าอยากรู้เรื่องนี้
 
“ไม่บอกครับ เพราะเดี๋ยวน้องมีนก็จะได้รู้ เราสองคนไปดูความรักของผู้หญิงคนที่สามของพ่อกันเลยดีกว่า” ผมไม่ตอบน้องมีน แต่ชวนเธอไปดูว่าที่แม่ของเธอคนต่อไปแทน
 
“โห! พ่อใจร้าย แค่นี้ก็บอกลูกสาวสุดที่รักไม่ได้ เดี๋ยวหนูงอนแล้วไม่พาไปนะ” น้องมีนยืนกอดอก แล้วทำท่างอนผม
 
“อ่ะ! บอกก็ได้จะได้หายงอน นี่ติดนิสัยแม่คนไหนมานี่ทั้งขี้งอน ทั้งต่อรองเก่ง สรุปแล้วพ่อไม่ได้เป็นเกษตรอำเภอจ้า แต่ไม่ต้องถามเหตุผลนะ เดี๋ยวไปดูเองดีกว่า”ผมแกล้งน้องมีนเล่นและบอกเธอ ตอนนี้ดูเหมือนการแกล้งเธอบ้างจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผม
 
“อย่างนี้ค่อยไปกันได้หน่อย ยอมๆลูกสาวบ้างก็ได้นะพ่อ มีลูกสาวน่ารักขนาดนี้ยังจะแกล้งกันอีก” น้องมีนหันมายิ้มอย่างอารมณ์ดี ทุกครั้งที่เห็นแก้มยุ้ยๆของเธอทำเอาผมอดใจเอามือไปหยิกไม่ไหว
 
“จ้าา! แม่ลูกสาวตัวดี ทีนี้ไปกันได้หรือยัง?” ผมถามน้องมีน
 
“ไปกันได้แล้วค่ะ ว่าแต่จะให้ย้อนไปช่วงไหนดีคะ?” น้องมีนถามต่อ
 
“ไปในช่วงหลังจากพ่อเรียนจบสองปีนะครับ ตอนนั้นเป็นช่วงที่พ่อพบกับความรักครั้งที่สาม” ผมบอกน้องมีน เธอพยักหน้ารับรู้และพาผมเข้ามาในความทรงจำช่วงนั้นทันที
 
..................
 
หลังจากเรียนจบ ผมก็เตรียมสอบเป็นเกษตรอำเภอ อ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อหวังจะทำงานในตำแหน่งนี้ แต่ท้ายที่สุดผมก็ไม่ได้ไปสอบ
 
บางทีชีวิตของเรามีตัวแปรมากกว่าที่คิด
 
หรือไม่ก็ชะตาของผมอาจจะไม่เหมาะกับการรับราชการที่อยู่ในระบบเหมือนคนอื่น
 
เพราะเช้าวันสอบผมต้องพาพ่อของผมไปผ่าตัดไส้ติ่ง!
 
สมัยก่อนการสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ที่บ้านของผมไม่มีโทรศัพท์ ส่วนตู้โทรศัพท์สาธารณะก็ไกลหลายสิบกิโล โชคดีที่บ้านผมมีรถกระบะเก่าๆอยู่หนึ่งคันและตัวผมเองก็พอขับได้ เราจึงสามารถพาพ่อไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา
 
ตอนนั้นประเทศไทยไม่มีโรงพยาบาลและสวัสดิการมากขนาดนี้ ทำให้โรงพยาบาลของรัฐมีคนเข้าคิวเยอะมาก เราจึงต้องพาพ่อไปโรงพยาบาลเอกชนเพื่อทำการผ่าตัด และหมดค่าใช้จ่ายไป...มากกว่าที่หามาได้ทั้งปี
 
นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมมาทำงานที่นี่...แทนการรับราชการ
 
และได้พบกับความรักครั้งที่สาม!
 
....................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 16 พรหมลิขิต