ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 17 ความใส่ใจ
หนึ่งในนิสัยของน้ำหวานที่ทำให้ผมคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน นั่นก็คือ
 
“ความใส่ใจ”
 
ครั้งหนึ่งผมเคยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องนอนซมอยู่ที่บ้านพักอยู่หลายอาทิตย์ ก็ได้น้ำหวานนี่แหละที่คอยดูแลอยู่ตลอด
 
“ธีย์! ข้าวเย็นมาแล้วนะ เดี๋ยวกินข้าวก่อน จะได้กินยานะ” เสียงน้ำหวานดังขึ้นสามเวลา ทุกครั้งที่มาดูแลผม ซึ่งนอกจากจะดูแลเรื่องข้าวและยาแล้ว ยังช่วยเช็ดตัวให้ผมเพื่อลดไข้ด้วย
 
“น้ำหวานไม่ต้องช่วยเช็ดตัวให้เราก็ได้นะ เราทำเองได้” ผมเคยปฏิเสธน้ำหวานในช่วงแรกๆ
 
“ไม่เป็นไรหรอก ป่วยหนักขนาดนี้ ธีย์จะมีแรงไปตักน้ำได้อย่างไร แค่นั่งก็ยังไม่ไหวเลย ไม่ต้องเกรงใจนะตอนป๊ากับม้าป่วยเราก็ดูแลให้แบบนี้เหมือนกัน” น้ำหวานตอบผม
 
ช่วงที่น้ำหวานมาดูแล ในใจผมก็คิดว่าอยากป่วยแบบนี้ไปนานๆ เพราะคนห่างบ้านแบบผม การมีคนมาดูแลแบบนี้ ทำให้ผมเหมือนได้รับความอบอุ่นที่ขาดหายไปนาน
 
นอกจากน้ำหวานจะเอาใจใส่เรื่องของผมแล้ว เรื่องคนรอบตัวผมเธอก็ใส่ใจไม่แพ้กัน
 
“ธีย์เสื้อตัวนี้สวยมาก น่าจะเหมาะกับน้องสาวธีย์นะ เราซื้อมาฝากให้น้องสาวธีย์ด้วยนะ”
 
“เห็นธีย์บอกว่า พ่อกับแม่ธีย์ชอบมะขามเทศ นี่มะขามเทศจากสวนลุงสนิทตรงโน้น แกขายไม่แพงแถมไม่มีสารเคมีด้วย เราฝากให้พ่อกับแม่ธีย์นะ”
หรือแม้แต่การช่วยดูแลแขกของผม ตอนที่ผมไม่อยู่ เช่นพี่ชัย ที่แวะมาเยี่ยมที่สวนส้มเป็นประจำ
 
“นั่งรอก่อนนะคะพี่ชัย ธีย์ไปที่อำภอเมืองจะกลับตอนเย็นๆค่ะ ทานข้าวมาหรือยังคะ...........”
 
..................
 
คืนนี้พวกเราฉลองกันนิดหน่อย เพื่อต้อนรับพี่ชัยที่แวะมาเยี่ยมผมช่วงวันหยุด
 
“ไอ้ขอนไม้! น้องน้ำหวานนี่มันยังไงกันแน่ ทำไมดูเอาใจใส่แกมากขนาดนี้” พี่ชัยที่กำลังหน้าแดง เพราะความเมาพูดกับผมสองคน หลังจากที่น้ำหวานขอตัวกลับไปบ้านพักก่อนเพราะเริ่มดึก
 
“ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันนี่แหละพี่ ไม่มีอะไร!” ผมตอบพี่ชัยและชงเหล้าให้แกใหม่
 
“ได้ข่าวว่าน้องเขาก็ไม่มีแฟน แกก็ไม่มีแฟน ทำไมไม่ลองจีบน้องเขาวะ ทั้งน่ารักและนิสัยดีแบบนี้ หายากนะเฟ้ย” พี่ชัยเริ่มยุผม
 
“ก็มีแอบคิดบ้าง แต่ก็กลัวว่าถ้าจีบแล้วไม่สำเร็จ จะมองหน้ากันลำบากเปล่าๆ” ผมตอบพี่ชัยตรงๆ
 
“’งั้นจีบเลย พี่ว่าติดแน่นอน เอ็งเป็นคนมีเสน่ห์ ถึงไม่หล่อ ไม่รวย แต่ใครที่อยู่ด้วยมักสบายใจ แบบพี่นี่ไง อยู่กับเอ็งแล้วสบายใจเหมือนเป็นน้องชายแท้ๆ ถ้าใครมาหาเรื่องบอกพี่นะ พี่จะ...”พี่ชัยไม่พูดอย่างเดียว แกถอดเสื้อออกด้วยพร้อมทำหน้าจริงจัง
 
“พี่จะไปล้างแค้นให้ผมใช่ไหม?” ผมถามขึ้น
 
“เปล่า! พี่ร้อน” พี่ชายตอบหน้าตาย
 
เอิ่มม! บางทีผมเองก็อาจประเมินพี่ชัยดีเกินไปนะนี่
 
..................................
 
ตั้งแต่วันที่พี่ชัยยุผมให้จีบน้ำหวาน และมั่นใจว่าผมจีบติดแน่นอน
 
มันก็ทำให้ผมค่อยๆเปลี่ยนความคิดของตัวเองและอยากออกจากพื้นที่เฟรนด์โซนที่อยู่มานาน
 
และแล้ววันที่ทำให้ผมตัดสินใจจีบน้ำหวานอย่างจริงจังก็มาถึง หลังจากทำงานที่นี่ได้เกือบหนึ่งปี ในช่วงวันคริสมาสต์
 
ตอนนั้นเพลง Because I Love You กลับมาดังอีกครั้งเพราะวง สามสาว เอามาขับร้องใหม่ ทำเอาได้ยินเพลงนี้เกือบทุกพื้นที่ ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาวที่ยังมีความเย็นแบบสมัยก่อนด้วยแล้ว
 
ยิ่งทำให้เพลงนี้โรแมนติกมากยิ่งขึ้น
 
ปีนี้ทางสวนส้มมีการตกแต่งสถานที่ให้มีสีสันเทศกาลวันคริสมาสต์และปีใหม่ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่มากขึ้น และเพื่อให้พนักงานที่ไม่ได้กลับบ้านได้รู้สึกผ่อนคลาย ทางสวนส้มจึงจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นสำหรับพนักงาน ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับบ้านช่วงปีใหม่
 
ผมช่วยในฝ่ายจัดงานเลี้ยงที่ต้องมีการเตรียมงานอยู่หลายวัน ส่วนน้ำหวานอยู่ฝ่ายเอนเตอร์เทนต้องใส่ชุดซานตาคลอส ช่วยแจกของขวัญและชวนทุกคนในงานเล่มเกมส์
 
งานเลี้ยงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทุกคนมีความสุขและได้ของรางวัลกันถ้วนหน้า น้ำหวานดูจะเป็นซานตาคลอสที่มีคนถ่ายรูปด้วยมากที่สุด แม้จะใส่หนวดปลอมปกปิดใบหน้าที่น่ารักของเธอ
 
แต่เพราะเธอใจดีและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย จึงเป็นขวัญใจของคนที่นี่
 
ขณะที่บนเวทีก็มีการร้องเพลงจากวงดนตรีและมอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้พนักงาน
 
พอตกดึก วงดนตรีที่จ้างมาก็หมดคิวการแสดง เหลือเพียงพนักงานบางคนที่ร้องเพลงกันเองตามโต๊ะและเคาะขวด ถ้วย ถัง ไปตามเรื่อง
 
รวมถึงเสียงเพลงจากลำโพง ที่ยังเปิดเพลงสากลขับกล่อมบรรยากาศงานอย่างต่อเนื่อง
 
ผมกับน้ำหวานก็นั่งกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะเพราะตอนนี้เราสองคนหมดหน้าที่แล้ว และกำลังกินข้าวกันบนโต๊ะที่ถูกจัดให้ทีมงาน
 
“ดีนะที่เป็นช่วงหน้าหนาว ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนแล้วให้ใส่ชุดแบบนี้ เราคงเป็นลมแน่ๆ” น้ำหวานพูดถึงชุดซานตาคลอสที่เธอใส่ ตอนนี้เธอถอดหนวดเคราปลอมออกหมดแล้ว กำลังนั่งลูบท้องด้วยความอิ่ม
 
“แต่ก็ดีนะ เพราะทำให้น้ำหวานกินได้เยอะไม่ต้องคอยแขม่วพุง” ผมแซวน้ำหวาน
 
เราสองคนกินและพูดคุยกันอีกสักพัก น้ำหวานก็เริ่มง่วงนอนเพราะความเพลีย ผมจึงเดินไปส่งซานตาคลอสสาวคนนี้ที่บ้านพักของเธอ
 
ขณะที่กำลังเดินไปส่งน้ำหวานที่บ้านพัก เสียงเพลง Because I Love You ก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศของการเดินไปส่งน้ำหวานที่บ้านพักวันนี้ไม่เหมือนเดิม
 
“เราชอบเพลงนี้ ” น้ำหวานพูดขณะที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ กัน
 
ผมมองหน้าเธอที่กระทบกับแสงจันทร์ เมื่อประกอบกับบทเพลงที่ตอนนี้ถึงช่วงเสียงหวานๆของแซกโซโฟนด้วยแล้ว ก็รู้สึกว่าน้ำหวานดูสวยและน่ารักมากกว่าปกติ
 
“จะมีใครทำทุกอย่างเพื่อเรา แต่ก็กลัวว่าเราจะทิ้งเขาไป เพราะเขารักเรามากแบบในเพลงบ้างไหมนะ?”น้ำหวานพูดต่อ
 
“ถ้ามีใครทำให้เราแบบนี้เราคงบอกให้เขาไม่ต้องกลัว เพราะเราจะรักเขากลับและทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกัน”  
 
“ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ ทำให้เราอยากพบคนแบบนั้นสักครั้ง..ในชีวิต”
 
น้ำหวานพูดและมองดูดวงจันทร์ที่ส่องแสงสีเหลืองนวล เหมือนเธอกำลังขอพรกับดวงจันทร์อยู่
 
เมื่อถึงที่บ้านพัก น้ำหวานก็ขอบคุณผม พร้อมส่งกล่องของขวัญเล็กๆกล่องหนึ่งให้ผม
 
“อันนี้ของเรามอบให้ธีย์ เป็นของขวัญในวันคริสมาสต์ ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่านะ” น้ำหวานพูดแล้วยิ้มให้ผม
 
ผมทำท่าแปลกใจที่เธอมีของขวัญให้ผม จึงขอเปิดออกดูเพราะความอยากรู้และต้องประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นของข้างใน
 
เพราะมันคือ "ฮาร์โมนิก้า" หรือหีบเป่าเพลงเล็กๆ ที่ผมเคยพูดให้เธอฟังเมื่อหลายปีก่อน ตอนเราฝึกงานด้วยกันจนผมลืมไปแล้ว
 
แต่หลายปีที่ผ่านมา น้ำหวานก็ยังจดจำเรื่องราวที่ผมพูดในตอนนั้นได้
 
เธอไม่เคยลืมมัน แม้คนพูดจะลืมไปแล้ว
 
ผมยืนนิ่งแล้วพูดไม่ถูก รู้สึกมากมาย...มันเอ่อล้นจนบรรยายไม่ถูก รู้อย่างเดียวว่าทั้งหมดรวมกันอยู่ในคำว่า
 
“ขอบคุณนะ..”
 
“แล้วว่างๆเป่าให้เราฟังบ้างนะ กลับบ้านพักดีๆล่ะ!” น้ำหวานยิ้มและโบกมือให้ผมก่อนขึ้นบ้านพักของตัวเอง
 
.....................
 
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์กำลังส่องแสง ตัวผมก็ค่อยๆเดินกลับบ้านพัก
 
พร้อมบทเพลง Because I Love You ที่ยังไม่จบ
 
เสียงแซกโซโฟนที่สลับกับเสียงร้องหวานๆ ทำให้ความรู้สึกในคืนนี้เกี่ยวกับน้ำหวานเปลี่ยนไป
 
พร้อมคิดในใจว่า.......
 
ตอนนี้ผมอยากเป็นผู้ชายในเพลง Because I Love You
 
ในชีวิตจริงของเธอ...เหลือเกิน
 
........................................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 18 บอกลาหรือเริ่มต้น