ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 39 งานเลี้ยงบนเรือ
ผมกำลังยืนอยู่บนเรือยอร์ชลำใหญ่ที่จุผู้คนไว้ร้อยกว่าคน พร้อมด้วยเสียงเพลงขับกล่อมจากนักดนตรี ปล่อยสายตามองท้องฟ้ายามโพล้เพล้และแสงไฟจากชายฝั่ง ที่เริ่มเปิดขึ้นมาต้อนรับความมืดของคืนนี้
 
ในเรือหรูลำนี้ มีเหล่าผู้คนแต่งตัวหรูหรา ผู้ชายใส่ชุดทักซิโดที่ผูกหูกระต่าย ส่วนผู้หญิงก็แต่งชุดราตรี ทั้งหมดดูเหมือนฉากงานเลี้ยงหรูบนเรือในหนังที่ผมเคยดู
 
แคทเดินมาหาผมในชุดราตรีสีขาว เธอดูสวยสง่ากว่าชุดลำลองที่ใส่อยู่ทุกวันและงดงามราวกับเจ้าหญิง
 
“วันนี้คุณธีย์ดูหล่อมากนะคะ” เธอพูดและยิ้มให้ผมเช่นเคย
 
ผมอยู่ในชุดทักซิโดที่แคทพาผมไปเช่าที่ร้านแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีการแจ้งเรื่องการแต่งกายไว้ เธอจึงอยากให้ผมดูดีในงานเลี้ยงและแต่งตัวไม่แตกแยกจากคนอื่นๆ
 
“เวลาที่ไปงานเลี้ยงนี่ ต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือครับ?” ผมถามแคทขณะที่กำลังเลือกชุดกัน
 
“มันเป็นเหมือนธรรมเนียมในการเข้าสังคมค่ะ ถ้ามีแจ้งเรื่องการแต่งกาย ผู้รวมงานก็จะทำตามเพื่อให้เกียรติเจ้าภาพ” แคทพูดและหยิบชุดหนึ่งมาทาบที่ตัวผม
 
“อีกอย่างแคทก็อยากให้คุณธีย์แต่งตัวหล่อ ๆ บ้าง เห็นแต่งตัวแบบเดียวอยู่นานจนบดบังความหล่อไปหมด ลองเปลี่ยวแนวสักวันนะคะ” แคทพูดและส่งชุดให้ผมไปลองในห้องและดูแลเรื่องแต่งตัวของผมในคืนนั้นราวกับเป็นภรรยาของผมเลยทีเดียว
 
ตอนแรกๆผมก็เขิน แต่พอได้ส่องกระจกดูตัวเอง ก็เพิ่งรู้ว่า....
 
ตัวผมเองก็หล่อไม่เบานะนี่  หุหุ
 
นอกจากเครื่องแต่กายแล้วแคทยังพาผมไปร้านตัดผมด้วย
 
“ทรงผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญกับการแต่งกายค่ะ แม้ว่าจะแต่งตัวดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่ดูแลเรื่องทรงผม เสื้อผ้าแพงแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไรมากค่ะ” แคทบอกผมและให้ช่างช่วยสอนผมเรื่องเซ็ททรงผมด้วยตัวเอง
 
เมื่อถึงวันงานแคทจึงให้คนขับรถไปรับผมมาที่ท่าเรือ ส่วนตัวเธอต้องเดินทางมาก่อนเพราะต้องช่วยเตรียมงาน
 
จึงทำให้ผมเพิ่งได้เจอกับเธอบนเรือ
 
“ทะเลตอนช่วงเย็นๆนี่สวยดีนะคะ แคทชอบตอนนี้มากเพราะสีของท้องฟ้าจะเป็นสีวนิลา” แคทมองท้องฟ้าและก็ยิ้ม
 
“แต่ผมว่าคุณแคทสวยกว่านะครับ” ผมพูดกับแคทและมองไปที่ใบหน้าของเธอ พร้อมเก๊กหล่อเต็มที่
 
อุตส่าห์ซ้อมบทพูดกับท่าทางมาตั้งนาน ขอใช้หน่อยเถอะนะ ฮ่าๆๆ
 
“พูดแบบนี้ก็เป็นด้วยหรือคะ”แคทเขินหน้าแดง
 
เราสองคนคุยกันไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเคาะแก้ว นั่นหมายความว่ากำลังจะมีคนพูดเรื่องสำคัญ
 
“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานในคืนนี้นะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขอเรียนเชิญเจ้าภาพในคืนนี้ขึ้นมากล่าวต้อนรับและเปิดงาน ขอเสียงปรบมาให้กับคุณ พยัคฆ์ ป้อมพิชิตพาลอภิบาลโลกาภิวัฒน์ ด้วยครับ!” พิธีกรกล่าวต้อนรับด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษเนื่องจากมีแขกต่างชาติด้วย เมื่อพูดจบเสียงปรบมือต้อนรับก็ดังขึ้น พร้อมการปรากฎตัวของเจ้าภาพในงาน
 
นั่นก็คือ...พ่อของแคทนั่นเอง
 
พ่อของแคทมาใสชุดทักซิโดสีขาว ด้วยมาดเหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ที่ทุกคนต่างหลีกทางเดินให้
 
“ขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงานกันในคืนนี้ ผมจะขอพูดสั้นๆแค่สองเรื่อง”
 
“หนึ่ง! เรือลำนี้มีชื่อว่าแคทเธอลีน ตั้งตามชื่อของลูกสาวคนเล็กของผม เพราะสมัยเด็ก ๆ เธออยากนั่งเรือยอร์ชและออกไปเที่ยวทะเลกับผม ขอเสียงปรบมือให้กับเจ้าของชื่อเรือลำนี้ด้วยครับ” พ่อของแคทพูดจบ ก็ผายมือมาที่แคท พร้อมเสียงปรบมือของแขกในงาน
 
แคทดูตื้นตันกับสิ่งที่พ่อของเธอพูดมา เธอใช้มือปิดที่ปากตัวเองแล้วร้องไห้
 
“แด๊ดดี้! ยังจำเรื่องตอนเด็ก ๆ ได้”
 
“เรื่องที่สอง! ขอให้ทุกคนสนุกกับงานให้เต็มที่ครับ” เมื่อพ่อของแคทพูดจบ ก็มีพลุปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในกลางทะเล ทำให้ผู้คนโห่ร้องพร้อมเสียงดนตรีที่บรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน
 
งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว
 
ผู้คนต่างสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ หลายคนเริ่มส่งเสียงดังและเดินคุยกับคนอื่นๆ
 
“ไฮ! แคท วันนี้ยูแต่งตัวสวยมาก ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เมื่อผมและแคทหันไปตามเสียงก็พบกับนายมาร์ค ผมทอง
 
นายคนนี้หายไปนาน จนผมนึกว่าช๊อคตายไปแล้วซะอีก
 
คนแบบนี้มันช่างตายยากตายเย็นจริง ๆ
 
“ไฮ! มาร์ค ยูเพิ่งมาเหรอ ไอไม่เห็นรายชื่อยูตอนขึ้นเรือเลย?” แคทถามนายมาร์ค
 
“ใช่แล้ว! ไอนั่งเรือส่วนตัวมาเองและเพิ่งขึ้นเรือของยูมาเมื่อสักครู่” นายมาร์คบอกแคทและหันมามองที่ผม
 
“ไฮ! คุณธีย์วันนี้ยูแต่งตัวหล่อมาก ขอให้สนุกกับงานนะครับ” นายมาร์ค ทักทายผมเสร็จก็เดินออกไปคุยกับคนอื่นต่อ
 
แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ลางสังหรณ์ของผมกลับบอกว่า...มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ
 
จนกระทั่งเมื่อเพลงที่เล่นอยู่จบลง พิธีกรก็ออกมาพูดอีกครั้ง
 
“และเพื่อเป็นการขอบคุณแขกทุกท่านที่มางาน คุณแคทเธอลีนเจ้าของชื่อของเรือลำนี้ จะให้เกียรติมาบรรเลงเปียโนให้พวกเราฟังกันนะครับ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ”
 
พิธีกรเชิญแคทออกไปเล่นเปียโน เธอเดินอย่างสง่าและเดินไปตรงวงดนตรี ก่อนนั่งลงตรงเปียโนสีขาวและเริ่มบรรเลงทันที
 
แม้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของเปียโนมากนัก แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็ต้องขอบอกว่าเธอเล่นเปียโนเก่งมากจริง ๆ เมื่อรวมกับรูปลักษณ์และชุดที่เธอใส่ในวันนี้แล้ว ยิ่งทำให้เธอโดดเด่นและสวยงามกว่าทุกๆคนบนเรือ
 
“สุดยอด! บทเพลงนี้ขนาดนักเปียโนมืออาชีพยังเล่นได้ไม่เพราะเท่านี้เลย ลูกสาวคุณพยัคฆ์นี่น่าจะเข้าวงการดนตรีคลาสสิคนะ” แขกท่านหนึ่งที่อยู่ข้างๆผมพูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเปียโน
 
“แหม! ถ้าขนาดวาทยากรและนักแต่งเพลงระดับโลกอย่างคุณคิมหันต์พูดมาแบบนี้ คุณพยัคฆ์อาจจะให้ลูกสาวเข้าวงการก็ได้นะ” ชายร่างอ้วนคนหนึ่งที่ผมเคยเห็นในโทรทัศน์บ่อย ๆ พูดขึ้นบ้าง
           
ผู้ร่วมงานบนเรือส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีฐานะและมีชื่อเสียง จึงมีความรู้เรื่องดนตรีค่อนข้างดีเพราะได้ชมการแสดงดนตรีหรือได้เรียนกันมามาก
 
มีไม่น้อยที่เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการดนตรีโดยตรง
 
ทำให้เมื่อการบรรเลงเปียโนของแคทจบลง ทุกคนจึงปรบมือด้วยความชื่นชมจริง ๆ
 
สุดยอด! เพราะมาก ๆ! เสียงชื่นชมและโห่ร้องดังขึ้นทั่วเรือพร้อมเสียงปรบมือ แคทยืนขึ้นและโค้งให้กับผู้ชมก่อนจะเดินมาหาผม
 
ยังไม่ทันที่เราทั้งสองคนจะพูดอะไร เสียงเคาะแก้วก็ดังขึ้น
 
“หลังจากเราได้ฟังการแสดงบรรเลงเปียโนของคุณแคทเธอลีนไปแล้ว ผมมาร์ค คู่หมั้นของคุณแคทเธอลีน ขอเชิณคุณธีย์แฟนของคุณแคทเธอลีนมาร้องเพลงสากล เพื่อขอบคุณแขกด้วยนะครับ” เสียงของนายมาร์คดังขึ้นจากหน้าเวที พร้อมกับส่งสายตามามองผมด้วยความสะใจ
 
นายคนนี้ประกาศตัวว่าเป็นคู่หมั้นของแคทแล้วยังเชิญแฟนของแคทออกมาร้องเพลง ทำให้ผู้คนบนเรือสับสนและเริ่มซุบซิบนินทา
 
"นี่มันอะไรกันนี่! คู่หมั้นเชิญแฟนให้ขึ้นมาร้องเพลง" ผู้คนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น
 
และที่นายมาร์คต้องการอีกเรื่องในแผนการนี้ก็คือ.....อยากจะทำให้ผมขายหน้า
 
เพราะรู้ว่าผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้!
 
ว่าแล้ว...เจอนายคนนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
 
ในขณะที่แคทเองก็มองผมเหมือนจะถามว่าทำอย่างไรดี
 
ผมก็เดินออกมาจากเธอและตรงไปที่นายมาร์คกำลังยืนอยู่!
 
................................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 40 ผู้ชายคนนี้