ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 34 แขกคนใหม่ของสวน
ผมเริ่มหัดใช้สื่อออนไลน์ตอนอายุสี่สิบกว่าๆ โดยน้องสาวของผมเป็นคนสอน
 
“เดี๋ยวนี้คนจะหาอะไรก็ใช้อินเตอร์เน็ตค้นเอา หนูจะทำแฟนเพจไว้ให้และสอนพี่ธีย์ใช้งานนะ”
 
หลังจากนั้นผมก็เริ่มเล่นสื่อโซเชียลเป็นครั้งแรกและเริ่มสนุกกับมัน
 
ผมเริ่มลงขายผลผลิตของสวนโดยใช้มือถือถ่ายไปตามเรื่องตามราว แล้วก็อธิบายตามความรู้และประสบการณ์ ซึ่งทำให้เพจของผมมีคนติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ
 
จนกระทั่งเริ่มถ่ายคลิปลงไปและพาเที่ยวชมสวน ปรากฏว่ายอดผู้ติดตามมากขึ้นกว่าเดิมจนแตะหลักหมื่นในเวลาไม่กี่เดือน
 
หลังจากมีคนติดตาม ก็มีคนสั่งซื้อมากขึ้นเพราะสวนของเราไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย มีเพียงแค่ใช้พืชสมุนไพรกำจัดแมลงในสวนเท่านั้น
 
ทำให้ผู้ติดตามเชื่อมั่นและบอกต่อๆไป
 
หลังๆก็มีคนอินบ็อกซ์มาขอคำปรึกษา ซึ่งผมก็บอกวิธีแก้ตามที่ผมรู้
 
วันหนึ่งก็มีแฟนเพจทักมาว่าอยากจะขอมาดูงานที่สวนของผม ซึ่งผมก็ยินดีและนัดแนะวันที่จะมาดูสวนกัน
 
ช่วงเช้าของวันอาทิตย์ก็มีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งมาจอดที่สวนของผมตามเวลานัดหมาย
 
เมื่อประตูรถเปิดออกก็ปรากฎร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ผิวขาว ผมสั้น อายุประมาณยี่สิบปลายๆ ใบหน้าหมวยแบบอินเตอร์ แต่งตัวทะมัดทะแมง แล้วเดินเข้ามาหาผม
 
“สวัสดีค่ะคุณธีย์ หนูชื่อแคทนะคะ ที่นัดไว้ว่าจะขอมาดูงานที่สวนน่ะค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้และทักทายผม
 
แคทเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำเกษตรเธอเรียนจบและทำงานบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งจนรู้สึกว่าอยากทำเกษตร จึงตัดสินใจลาออกและลงเรียนคอร์สเกษตรสั้น ๆ หลายที่เพื่อหาความรู้
 
พอเธอเห็นผมลงคลิปจึงสนใจและขอมาดูงาน
 
“สวนของผมก็มีที่ไม่มากหรอกครับ เนื้อที่ประมาณห้าไร่ เราปลูกแบบผสมผสานและใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า บางอย่างก็ประยุกต์เอาเพราะงานเกษตรก็เหมือนงานทดลองที่ไม่มีสูตรตายตัว มีการตั้งข้อสันนิษฐานถึงความน่าจะเป็น รวมกับการจดสถิติและการสังเกต ก็กลายเป็นวิธีปลูกแบบใหม่ได้”
 
ผมอธิบายหญิงสาวขณะที่พาเดินชมสวน ดูท่าทางเธอจะสนใจเรื่องเกษตรมาก เพราะขยันถ่ายรูปและจดทำคำที่ผมพูด
 
“หนูอยากปลูกผักสลัดและพวกสมุนไพรค่ะ ที่ต่างประเทศนิยมสมุนไพรไทยมาก ๆ ” แคทบอกกับผม ดูเธอจะทำการบ้านมาดีทีเดียว
 
ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่แคทดูจะถนัดเรื่องเทคโนโลยีมาก เธอใช้แท็ปเลทแทนสมุดและถ่ายรูป ส่วนมือถือก็ใช้อัดเสียงผมที่พูดหรือถ่ายคลิปบ้าง ทำให้ผมดูเป็นคนตกยุคมากกว่าเดิม
 
หลังจากเดินดูที่สวนกันเสร็จ เธอก็ขอผมมาที่สวนอีกเพื่อสอบถามเรื่องอื่น ๆ ที่เธออาจจะสงสัยเพิ่ม
 
“โทรศัพท์คุยก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องเดินทางมาไกล” ผมบอกเธอเพราะเป็นห่วง
 
“ไม่เป็นไรค่ะ บ้านหนูไม่ไกลมาก มาที่สวนดีกว่า คุณธีย์อธิบายแล้วเห็นภาพชัดเจนดีค่ะ เข้าใจง่ายกว่าคุยทางโทรศัพท์” แคทบอกผมและยิ้ม
 
รอยยิ้มเวลาพูดจบของเธอทำให้ผมเผลอคิดถึงว่านขึ้นทันที
 
หลังจากวันนั้นแคทก็ดูจะเป็นแขกประจำที่สวนของผม เธอมีของฝากติดไม้ติดมือมาตลอด
 
“วันนี้แคทเอาองุ่นนิ้วแม่มด ที่ไม่มีเมล็ดมาฝากนะคะ” แคทภูมิใจนำเสนอของฝากมาก บ่อยครั้งที่เธอชอบเอาพืชผักผลไม้จากต่างประเทศมาฝากผม
 
“เห็นว่าองุ่นพันธุ์นี้ราคาแพงนี่ ไม่ต้องซื้อของแพงๆมาฝากก็ได้นะครับ” ผมบอกเธอเพราะไม่อยากให้เธอสิ้นเปลือง
 
“ไม่หรอกค่ะ พี่สาวแคททำบริษัทนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศเลยได้ราคาพิเศษ อีกอย่างพอคุณธีย์ได้ลองทานเราจะได้คุยกันรู้เรื่องค่ะ” แคทบอกผม พร้อมยื่นถุงองุ่นให้
 
บางครั้งเวลาเธอมีปัญหาเรื่องปลูกพืช เช่นเจอโรคแมลงหรือเชื้อรา เธอก็จะวีดีโอคอลหาผม
 
“คุณธีย์ มีหนอนขึ้นมากินต้นไม้หมดเลย อันนี้หนอนอะไรคะ?.......”
 
และนั่นก็ทำให้ชีวิตประจำวันของผมมีสีสันขึ้นบ้างเล็กๆน้อยๆ
.....................
 
แม้แคทจะมาปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับเกษตร แต่เธอก็ไม่ได้ให้ผมสอนอย่างเดียว เพราะเธอช่วยผมทำเรื่องการตลาดและช่วยดูแลเรื่องแพคเกจจิ้งให้ผมด้วย
 
“คุณธีย์ต้องสร้างแบรนด์ โดยใช้ตัวของคุณธีย์เป็นภาพลักษณ์ของสวนให้ผู้คนจดจำนะคะ” แคทพูดกับผม ตอนนี้เธอกำลังอธิบายเรื่องการตลาดให้ผมฟัง
 
“แล้วมันจะช่วยเกี่ยวกับพวกผักผลไม้ที่ผมปลูกอย่างไรครับ?” ผมถามแบบไม่รู้
 
“ก็เหมือนกับเวลาเราเข้าปั๊มน้ำมัน สินค้าเหมือนกันแต่คนเรามักเข้าปั๊มประจำที่เรารู้สึกชอบ ความรู้สึกที่ทำให้แต่ละปั๊มดูต่างกันและเป็นเอกลักษณ์ นั่นก็คือแบรนด์ดิ้งค่ะ” แคทพูดเหมือนเป็นคุณครูที่กำลังสอนผม
 
สุดท้ายเธอก็แนะนำให้ผมใช้หน้าตัวเองเป็นโลโก้ของสวน
 
“สวนลุงธีย์” เธอตั้งชื่อสวนให้ผม เพื่อให้คนจำชื่อสวนได้ง่าย
 
แม้ผมจะติดใจตรงคำว่าลุง! แต่ก็ปล่อยผ่านแล้วก็ปลงในสังขารตัวเอง
 
นี่เราเป็นลุงแล้วหรือนี่ เฮ้อ!
 
......................
 
“คุณธีย์แต่งงานแล้วหรือยังคะ?” แคทถามผมในวันหนึ่ง เพราะเธอไม่เห็นใครเลย นอกจาก พ่อ แม่ และน้องสาวของผม
 
“ยังครับ” ผมตอบแคทแบบสั้น ๆ แต่พอเธอได้ยินก็มองผมแปลก ๆ เหมือนกำลังสงสัยว่าตาแก่นี่สงสัยไม่เคยมีแฟน
 
“ผมก็มีแฟนเหมือนเหมือนคนอื่น ๆ นั่นแหละ แต่ก็เลิกลากันไป” ผมบอกเธอโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม
 
“แต่คุณธีย์ก็เป็นคนมีเสน่ห์นะคะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายสไตล์ลุงก็ได้รับความนิยมนะ” แคทพูดให้กำลังใจผม แต่ผมกลับรู้สึกว่าโดนทำร้ายจิตใจ
 
คำก็ลุง สองคำก็ลุง นี่ผมคงแก่เกินไปใช่ไหมนี่!
 
“แต่แคทก็ชอบผู้ชายสไตล์ลุงนะคะ อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นดี” แคทพูดแล้วยิ้มให้ผม
 
เฮ้อ! เด็กสมัยนี้ชอบคนแก่กันหรือนี่ ....แต่
 
เดี๋ยวนะ! เมื่อครู่เธอบอกว่าชอบผู้ชายสไตล์ลุง!
 
นั่นมันไม่ใช่...การบอกรักทางอ้อมใช่ไหม?
 
.....................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 35 สไตล์ลุง...แล้วยังไง