ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 35 สไตล์ลุง...แล้วยังไง
หลังจากวันที่แคทพูดเรื่องชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าแบบสไตล์ลุง แม้ผมจะไม่ได้คิดอะไรมากกับคำพูดเธอเพราะคิดว่าเธอคงพูดให้กำลังใจชายโสดวัยกลางคนอย่างผม
 
แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะส่องกระจกแล้วดูความหล่อของตัวเองแบบละเอียด
 
“อึมม! ตีนกาก็ขึ้น ผมหงอกก็เริ่มมี รอยย่นก็เยอะ ผิวก็กร้าน แต่รวมๆก็ยังดูดีนะนี่ ” ผมพูดกับตัวเองที่หน้ากระจกในตอนเช้าหลังจากอาบน้ำ
 
บางทีคนเราก็มักจะหลงตัวเองบ้าง เวลาที่มีคนชม
 
“เจ้าธีย์! วันนี้เป็นอะไรนี่ วิญญาณนกหงส์หยกเข้าสิงหรือ ส่องกระจกซะนานเชียว” เสียงแม่ผมดังขึ้น หลังจากมองผมบ้าส่องกระจกอยู่เกือบชั่วโมง
 
ได้ยินเสียงของแม่ ก็ทำให้ผมเริ่มอายและกลับสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
 
“ดูแล้วก็ปลง ไปทำงานดีกว่า” ผมพูดกับตัวเองแล้วแต่งตัวออกไปทำสวนตามเดิม
 
หลังจากแคทช่วยผมทำเรื่องการตลาด ก็เริ่มมีคนมาเที่ยวชมสวนของเรามากขึ้น
 
ทำให้พ่อกับแม่ที่อยู่บ้านเฉย ๆ สนุกขึ้นขึ้นมา ลงทุนเปิดขายอาหารและกาแฟเป็นรายได้เสริม ทำเอาคนที่มาเยี่ยมชมและได้ชิมต่างติดอกติดใจกันใหญ่
 
นี่ขนาดรสมือแม่ผมตกลงจากเมื่อก่อนแล้วนะ ผู้คนยังติดใจขนาดนี้ ถ้าได้ชิมสมัยก่อนแล้วละก็สงสัยจะได้ดาวจากมิชลินแน่ๆ
 
“เห็นไหม! หนูบอกแล้วว่าต้องสร้างแบรนด์ ตอนนี้สวนลุงธีย์ดังใหญ่แล้วนะ” แคทพูดแล้วก็ยิ้ม เมื่อเห็นผู้คนมาชมสวนของผมมากขึ้น จนพ่อกับแม่ทำอาหารกันมือเป็นระวิง
 
ผมค่อยๆมองแคทที่ทำหน้าตามีความสุขที่เห็นผู้คนมาเที่ยวที่สวนของผมมากขึ้น หลังจากช่วยทำการตลาดให้ผม พาลค่อยๆคิดถึงแฟนเก่าที่ผ่านมาทั้งสี่คน
 
เพราะเธอเหมือนเป็นส่วนผสมของทุกคนรวมกัน
 
เป็นห่วงอนาคตและพยายามทำให้ผมดีขึ้นเหมือนขิง
 
มีความห้าวและตรงไปตรงมาเหมือนขมิ้น
 
มีความเอาใจใส่ทุกเรื่องเหมือนน้ำหวาน
 
ชอบยิ้มและดูเข้าใจผมเหมือนว่าน
 
ทุกอย่างที่ผมชอบในตัวของแฟนแต่ละคนมันรวมมาอยู่ที่แคททั้งหมด
 
ไม่นะ! นี่ผมคงไม่ได้กำลังหลงรักเด็กสาวที่อายุห่างกันยี่สิบกว่าปีหรอกนะ
 
ไอ้เฒ่าหัวงูเอ๊ย! เลิกคิดบ้าๆได้แล้ว
 
“เอ่อ...คุณธีย์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ แคทเห็นคุณธีย์นั่งทุบหัวตัวเอง” แคทหันมามองผมที่กำลังทุบหัวตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน
 
“เอิ่มม.. เปล่าครับ มะ..ไม่มีอะไร ผมแค่เมื่อยคอน่ะครับ” ผมรีบปฏิเสธแล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น
 
อายเด็กจริง ๆ ถ้าโดนจับได้ว่าคิดอะไรอยู่นี่ เสียผู้เสียคนแน่ๆ
 
หลังจากวันนั้นผมก็พยายามเลือกคิดฟุ้งซ่านและมองแคทให้เป็นแค่รุ่นน้อง...ที่รู้จักกัน
 
...................
 
คืนวันหนึ่งเกือบเที่ยงคืน ขณะที่ผมกำลังจะเข้านอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
 
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ผมรับสายทันทีที่เห็นชื่อของแคทโทรมา
 
“คุณธีย์นอนหรือยังคะ ?” เสียงจากปลายสายถามผม
 
“ยังครับ คุณแคทมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าต้นไม้ตาย?” ผมถามเธอกลับ
 
“บ้า! ต้นไม้ตาย ใครจะโทรหากันตอนดึก แคทแค่นอนไม่หลับน่ะค่ะ เลยหาคนคุยเป็นเพื่อน รบกวนคุณธีย์หรือเปล่าคะ?”
 
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมยังไม่นอนเพิ่งดูบัญชีเสร็จ” ผมตอบแคทกลับไป
 
จากนั้นแคทก็ชวนผมคุยเรื่อยเปื่อย เกือบชั่วโมงแล้วก็วางสาย
 
ตั้งแต่นั้นเวลาเธอนอนไม่หลับ ก็มักจะโทรหาผม จนแทบจะกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว
 
...................
 
นักจิตวิทยาเคยบอกไว้ว่า เวลาคุณจะจีบใครให้โทรหาคนนั้นในเวลาเดิมทุกวันเป็นเวลายี่สิบเอ็ดวัน
 
ถ้าคนๆ นั้นรู้สึกเหมือนคุณ  ในวันทียี่สิบสองหากคุณหายไปและไม่โทรมาในเวลาเดิม
 
คนๆนั้น...จะโทรหาคุณเอง
 
ผมไม่รู้ว่าผลวิจัยนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ผมกำลังรอโทรศัพท์ของแคทอย่างใจจดใจจ่อและพยายามห้ามใจ ไม่ให้เป็นฝ่ายโทรไปหาเธอ
 
นี่ผมกำลังเป็นอะไรไปนี่!
 
ผมพยายามสวดมนต์เพื่อให้จิตใจของตัวเองสงบลง แต่ใครจะคิดว่าชายวัยกลางคนที่ผ่านการบวชมาแล้ว จะนั่งสวดมนต์ถึงตี่สี่
 
เพราะจิตใจว้าวุ่นจากการรอโทรศัพท์ของเด็กสาว...ที่อายุห่างกันมาก
 
“เฮ้อ! ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้” ผมถอนหายใจและพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นเข็มนาฬิกา ก่อนล้มตัวลงนอนด้วยความง่วง
 
เมื่อตื่นมาตอนเช้า ตาผมก็ดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า ขนาดที่พ่อและแม่เห็นผมก็ยังตกใจ
 
“เจ้าธีย์! ช่วงนี้ทำงานดึกหรือลูก พักผ่อนบ้างก็ได้นะ” แม่ผมพูดด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นหน้าของผม
 
ทำเอาผมต้องรีบเดินหนีด้วยความอาย
 
ตอนช่วงสาย ต้นเหตุของดวงตาหมีแพนด้าของผมก็แวะมาที่สวนพร้อมของฝากตามเคย แต่เพิ่มเติมด้วยประโยคที่ทำให้ผมต้องตกใจ
 
“แคทอยากให้คุณธีย์...ไปที่บ้านแคทหน่อยค่ะ”
 
บร๊ะ! เด็กสมัยนี้ พูดจาชวนผู้ชายไปบ้าน แบบไม่ต้องอ้อมค้อมเลยหรือนี่!
 
.............................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 36 ลูกสาวเจ้าพ่อ