ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 22 วิกฤติชีวิต
เมื่อผมได้ยินคำของน้ำหวานและพิจารณาดูชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่แล้ว ก็เริ่มได้สติ และรู้ทันทีว่าตอนนี้ผมกำลังทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดลงไป
 
“น้ำหวานเรา...เรา..ขอโทษ” ผมห่างออกจากที่เดิม แล้วค่อยๆเดินตรงไปหาน้ำหวานแล้วขอโทษเธอ
 
“ธีย์! เราเสียใจมาก ที่ผ่านมาเราคิดว่าธีย์เป็นคนดี แม้ที่บ้านจะพยายามให้เราแต่งงานกับคนอื่น แต่เราก็ไม่เคยสนใจ”
 
“แต่ธีย์รู้อะไรมั้ย พอธีย์รู้ว่าบ้านเราไม่ชอบ ธีย์ก็ไม่เคยพยายามพิสูจน์ให้ที่บ้านเราเห็นเลยแถมยังไม่สนใจเรื่องที่บ้านเราอีก”
 
ป๊าเราป่วย ธีย์ก็ไม่เคยถาม ไม่เคยอยากมาเยี่ยม ไม่เคยอยากมีตัวตนในครอบครัวของเรา แถมวันนี้ธีย์ยังมาต่อยลูกพี่ลูกน้องเราโดยไม่ถามความจริงจากเราก่อน ”
 
“ถามจริงๆ เถอะธีย์! ถ้าเราเป็นแบบธีย์บ้าง ไม่สนใจครอบครัวธีย์ ไม่ถามถึง หรือเข้ากับที่บ้านของธีย์ไม่ได้ ธีย์ยังจะอยากคบกับเราต่อไหม?” น้ำหวานโมโหใส่ผม ตอนนี้เธอระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาและเริ่มร้องไห้
 
ส่วนผมที่ยืนนิ่งสำนึกผิด ก็เริ่มมีน้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาทั้งสองตา
 
“เรากลับมาช่วยที่บ้านเพราะป๊าป่วยและคิดว่าธีย์คงจะลงมาหาเราบ้าง แต่ก็เปล่าเลย ธีย์ใช้เวลาเกือบครึ่งปีกว่าจะมาหาเรา รู้ไหมว่าช่วงหกเดือนที่ผ่านมาเรารู้สึกอย่างไร และเราเสียใจแค่ไหน” น้ำหวานพูดตะโกนเสียงดัง โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังมุงดู
 
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำหวานโมโหขนาดนี้และเมื่อผมค่อยๆคิดตามในสิ่งที่เธอพูด ผมก็ยิ่งรู้ว่าผมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมากๆ
 
บรรยากาศรอบตัวผมในตอนนี้เงียบสงัดและอึดอัดมากๆ แม้ไม่มีคำพูดที่ออกมาจากน้ำหวานอีก แต่ผมรู้สึกเจ็บมากกว่าตอนที่เธอต่าว่าผมเสียอีก
 
จนกระทั่งน้ำหวานพูดต่อว่า
 
“ธีย์กลับไปเถอะ เราไม่อยากเจอธีย์อีกแล้ว เราทิ้งครอบครัวเรามานาน ตอนนี้เราขอเลือกที่จะอยู่ช่วยพวกเค้า มากกว่าจะทำตามใจตัวเอง จากนี้ไปเราทั้งคู่ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ”
 
“โชคดีนะธีย์ หวังว่าธีย์จะได้เจอคนที่ดีกว่าเรา” น้ำหวานพูดจบก็เดินไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอและพาเข้าไปในบ้าน โดยไม่หันมามองที่ผมอีกเลย
 
ในตอนนั้นทุกคนที่อยู่ในตลาด หากได้เดินผ่านมาตรงจุดที่เกิดเหตุ ก็จะมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่กลางตลาดแบบไม่อายสายตาคนอื่น
 
................................
 
“แล้วชีวิตพ่อต่อจากนี้เป็นอย่างไรต่อ หนูเริ่มอยากรู้แล้วสิ?” น้องมีนถามขึ้น
 
“พ่อก็ไม่ได้ติดต่อกับน้ำหวานอีกเลย พ่อกลับไปที่บ้าน วันๆเอาแต่ดื่มเหล้าและไม่ได้สมัครงานที่ไหนอีก” ผมตอบน้องมีนและคิดสมเพชตัวเองในตอนนั้น
 
ในตอนนั้นผมเสียใจมากกลับไปก็เอาแต่โทษตัวเองและจมอยู่กับเหล้า ชายหนุ่มอายุสามสิบที่ไม่มีงานทำและไม่อยากทำอะไรนอกจากดื่มเหล้าเพราะคิดว่าจะทำให้ลืมเรื่องนี้ไปได้
 
ท้ายที่สุดนอกจากจะไม่ลืมแล้วยังทำให้ผมติดเหล้าจนเสียผู้เสียคน
 
พอมองตัวเองกลับไปในตอนนี้ ผมก็รู้ว่าความรักอย่างเดียวอาจทำให้ชีวิตคู่ไปไม่รอด เพราะเราทุกคนต่างมีครอบครัวและคนรอบข้าง บางครั้งการจะรักใครก็ต้องยอมรับครอบครัวและคนใกล้ตัวของคนที่เรารักไปด้วย
 
แต่หากมันไม่ไหวก็ต้องรู้จักปรับสมดุลของความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตีตัวออกห่างจากปัญหาและให้คนรักของเรารับผิดชอบปัญหานั้นเพียงคนเดียว
 
ส่วนเรื่องของน้ำหวานตอนนี้ผมเข้าใจเธอมากขึ้น เพราะช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งทำให้หลายธุรกิจไปไม่รอด โดยเฉพาะครอบครัวของเธอที่เปิดร้านขายของชำก็ประสบปัญหาเช่นกัน
 
ปัญหานี้ทำให้ป๊าของเธอล้มป่วยถึงสองครั้ง ดูแล้วเธอคงตัดสินใจลำบากมานานว่าจะเลือกอย่างไร
 
และสุดท้ายเธอก็เลือกครอบครัวของเธอ!
 
ตอนนี้ผมก็ดีใจที่เธอเลือกแบบนั้น เพราะหากเธอเลือกผม ก็ไม่รู้ว่าที่บ้านของเธอจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร
 
ผมขอน้องมีนอยู่ดูตัวเองที่ทำตัวเหลวแหลกในช่วงนี้ เพราะไม่เคยมองในฐานะบุคคลที่สามมาก่อน ยิ่งมอง...ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าบางทีชีวิตที่ล้มเหลวก็เกิดจากเราทำตัวเองด้วยเช่นกัน
 
ทันใดนั้นเอง!
 
ภาพที่เห็นตอนนี้ก็มืดดำเหมือนไฟดับ จนมองไม่เห็นและไม่มีเสียงอะไรเลย
 
“น้องมีน! เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันมืดแบบนี้?” ผมตกใจเมื่อมองไม่เห็นอะไร
 
“แย่แล้วพ่อ! สงสัยหัวใจพ่อจะหยุดเต้น เราต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะออกไปไม่ได้อีกเลยและสลายไปกับกายเนื้อนี้” น้องมีนพูดด้วยความตกใจแล้วจับมือผมเพื่อออกไปจากความทรงจำ
 
แต่เนื่องจากตอนนี้ทุกอย่างมืดสนิทเราจึงวนอยู่ในนั้นและหาทางออกไม่เจอ
 
“พ่อ!มันมืดมาก หนูหาทางออกไม่เจอ ถ้าอีกห้านาทีเราออกไปไม่ได้ เราคงต้องติดอยู่ในนี้และรอสลายไปกับร่างของพ่อ ทำไงดี?” น้องมีนเริ่มกังวล แม้เธอจะมีพลังมากกว่าผมแต่ความคิดของเธอก็ยังเป็นเด็ก จึงเริ่มตื่นกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
 
“แล้วถ้าเราพยายามทำให้หัวใจของร่างนี้กลับมาเต้นอีกครั้งล่ะ! จะได้เห็นทางออกและออกไปได้”ผมเสนอความคิด
 
“ก็อาจเป็นไปได้! เพราะถ้าเราไปตามเส้นเลือดใหญ่ก็จะเจอหัวใจ แต่ไม่รู้ว่าพลังของหนูจะทำให้หัวใจพ่อเต้นได้ไหม?” น้องมีนเริ่มกังวล
 
ผมมองเห็นน้องมีนที่กำลังกลัวและไม่มั่นใจ ก็เลยไปนั่งที่เบื้องหน้าเธอและจับมือเล็กๆทั้งสองข้าง
 
“น้องมีน พ่อไม่เสียดายที่จะไม่ได้ออกไป เพราะแค่หนูพาพ่อมาย้อนความทรงจำได้ขนาดนี้พ่อก็ขอบคุณหนูมากๆแล้ว แต่พ่อจะเสียใจมากที่พาหนูมาลำบากด้วยและช่วยให้หนูเกิดใหม่ไม่ได้ ”
 
“เรามาลองกันเถอะนะ พ่อเชื่อในตัวของหนูและพ่อก็จะช่วยทำทุกอย่างให้มันสำเร็จ”ผมพูดกับน้องมีนและรู้สึกว่าเธอเป็นลูกสาวของผมจริงๆ
 
“นี่แหละ! คือหนึ่งในข้อดีของพ่อที่หนูชอบ ไปกันเถอะค่ะ!” น้องมีนทำสีหน้าดีขึ้น เธอจับมือของผมและพาร่างวิญญาณของเรา วิ่งมาทางเส้นเลือดใหญ่เพื่อไปทำให้หัวใจของร่างผม กลับมาเต้นอีกครั้ง
 
ขณะที่เรากำลังเคลื่อนไปตามเส้นเลือดใหญ่ เพื่อตรงไปสู่หัวใจนั้น
 
ทันใดนั้น! จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมา
 
พร้อมกระแสไฟฟ้าที่ตรงเข้ามาช๊อตเราสองคนจนเจ็บปวดแทบสลบ
 
“ โอ๊ย! พ่อช่วยด้วย หนูเจ็บ ฮือๆ”
 
....................................................
ตอนต่อไป
ตอนที่ 23 ตื่นได้แล้ว