ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 28 ความไว้ใจและเข้าใจ
หลังจากพืขสมุนไพรในแปลงของว่านก็ได้ทยอยเติบโตจนสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ทำให้ครอบครัวของว่านดีใจกันใหญ่ที่มีรายได้เพิ่มอีกทาง
 
เนื่องจากเราไม่ได้ใช้สารเคมีในการปลูก เพราะผมมองว่าสมุนไพรบางคนอาจจะเอาไปทำเป็นยา เลยไม่อยากให้สารเคมีตกค้าง ทำให้คนที่โรงพยาบาลและคนที่รู้จักสั่งซื้อกันไปจนหมด
 
“อันที่จริงสมุนไพรก็ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีได้ ทำไมเกษตรกรถึงยังคงใช้กันอยู่ล่ะ” ว่านถามผมขณะที่กำลังเก็บเหง้าขมิ้น
 
“แปลงของเราพื้นที่ไม่กว้างมากก็เลยดูแลได้ทั่วถึง แต่สำหรับคนที่มีที่ดินเยอะๆและปลูกแบบธุรกิจก็ต้องใช้บ้าง เพราะถ้าผลผลิตไม่ดีก็อาจจะขาดทุนถึงขั้นหมดตัว” ผมตอบว่านพลางยกตะกร้าขมิ้นใส่รถเข็นเพื่อนำไปล้างแล้วส่งลูกค้า
 
เรื่องของการใช้สารเคมีในการปลูกพืช อันที่จริงคนไทยเองก็ยังมีความเข้าใจผิดกันมาก พอได้ยินคำว่าสารเคมีก็จะปฏิเสธกันอย่างเดียว
 
ที่จริงแล้วการทำเกษตรสามารถใช้ได้ในปริมาณและระยะเวลาที่ถูกต้อง ขอเพียงไม่มีสารตกค้างในช่วงที่เก็บเกี่ยวก็ถือว่าพืชผักนั้นปลอดภัย
 
ในช่วงหลังจึงมีคำว่าผักปลอดภัยเกิดขึ้น เพราะการไม่ใช้สารเคมีเลย ส่วนใหญ่จะทำให้ผลผลิตออกมาน้อยและไม่สวย ซึ่งผู้บริโภคอย่างเราก็ไม่ซื้อกัน ทำให้เกษตรกรยังมีการใช้สารเคมีอยู่ตลอด แต่ช่วงหลังก็ลดการใช้ลงมากเพราะมีความรู้มากขึ้น
 
ตั้งแต่ผมคบกับว่าน ผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป
 
แม้มันจะเรื่อยๆ ไม่ตื่นเต้นหรือมีสีสันเหมือนตอนคบกับคนอื่นๆที่ผ่านมา แต่มันเป็นความรู้สึกมีความสุขแบบไม่วุ่นวาย เพราะเราทั้งสองคนต่างไว้ใจและเข้าใจกัน
 
ว่านไม่จุกจิกเรื่องส่วนตัวของผม เธอยอมรับในสิ่งที่ผมเลือกแต่ก็ยังเตือนผมในเรื่องที่เธอมองว่าผมทำไม่ถูกต้อง
 
“วันนี้วันแม่ ธีย์อยู่กับที่บ้านเถอะให้เวลากับแม่ธีย์บ้าง เดี๋ยวแม่ธีย์จะน้อยใจนะ”เธอบอกผมว่าให้อยู่บ้านในวันพิเศษอื่นๆบ้าง เพราะผมอยากพาเธอและครอบครัวไปเที่ยวในวันนี้
 
“เราต่างมีครอบครัวและชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ ให้รักษาความสัมพันธ์ให้อยู่พอดีๆ เราทั้งคู่จะได้เติมเต็มและไม่เสียช่วงเวลาดีๆของชีวิตไปเพราะความรัก” ว่านอธิบายให้ผมฟังเพิ่ม
 
นั่นก็เพียงพอที่จะตอกย้ำให้ผมรู้ว่า...ครั้งนี้ผมคงเลือกคู่ชีวิตไม่ผิด
 
วันหนึ่งว่านก็เอาสบู่ยี่ห้อหนึ่งมาให้ผมและบอกให้ผมลองใช้ดู
 
“ว่านเห็นธีย์โดนหญ้าบาดแขนเป็นรอยบ่อยๆ เลยเอาสบู่เบนเนทอโรม่ามาให้” ว่านยื่นสบู่กล่องสีเขียวให้ผมแล้วยิ้มเช่นเคย
 
“ยี่ห้อนี้ใช้ดีหรือว่าน ธีย์เห็นโฆษณาบ่อยๆนึกว่าเค้าใช้กันแต่ผู้หญิง” ผมเอื้อมมือรับ แล้วแกะสบู่ออกมาลองดมดู ก็ได้กลิ่นสมุนไพรโชยออกมา
 
“ใช้ดีสิ ที่บ้านของว่านใช้กันทุกคน โดยเฉพาะสูตรนี้ คนไข้ที่โรงพยาบาลที่เค้าทำเกษตรใช้กันแทบทุกคน เค้าบอกว่านอกจากกลิ่นสมุนไพรที่อาบแล้วรู้สึกสดชื่นแล้ว รอยหญ้าบาดเล็กๆตามแขนหรือขาเวลาทำสวนทำไร่ ก็หายไปด้วยนะ”
 
“ที่สำคัญ! ใช้แล้วกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัวก็ไม่มีด้วย ไม่เชื่อวันนี้ธีย์ลองเอาไปใช้ดู” ว่านพูดแล้วยกนิ้วโป้ง เหมือนยืนยันในสรรพคุณ
 
และเมื่อผมได้ลองอาบน้ำในวันนั้นก็ต้องบอกว่า สบู่เบนเนทอโรม่าก้อนนี้มีสมุนไพรผสมถึงห้าชนิดแต่ทำกลิ่นสมุนไพรได้หอมดีจริงๆ อาบแล้วรู้สึกสดชื่น แล้วไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ผมรู้สึกผ่อนคลายและหายเหนื่อยล้าทันที
 
พอตอนเช้ารอยหญ้าที่บาดแขนเมื่อวาน ก็จางลงเร็วกว่าเดิมส่วนรอยเล็กๆที่แทบจะมองไม่เห็น
 
สมแล้วที่คุณบุ๋ม เค้าเคลมว่ายอดขายอันดับหนึ่ง...หกปีซ้อน
 
“พ่อ! นี่แอบขายของหรือเปล่านี่ บรรยายซะขนาดนี้” น้องมีนลูกสาวในอนาคตของผมถามขึ้น
 
“ก็ของเค้าดีจริง ตั้งแต่พ่อเริ่มใช้ตอนนั้น พ่อก็ใช้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” ผมตอบแล้วยิ้มให้น้องมีน ก่อนจะชวนให้เธอดูเหตุการณ์ความรักในอดีตต่อ
 
นอกจากเอาสบู่มาให้ผมใช้แล้ว ว่านก็ยังสนใจทำสบู่สมุนไพรด้วยตัวเองอีกด้วย เธอบอกว่าอยากมีสินค้าของตัวเองบ้าง เผื่อจะดังแบบสบู่เบนเนท จึงลงทุนไปเรียนแล้วมาสอนผมทำที่บ้านของเธอ
 
ตั้งแต่นั้นบ้านของเธอก็เริ่มเป็นเหมือนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ เพราะมีอุปกรณ์มากขึ้นทั้งหลอดแก้ว ตะเกียงแอลกอฮอล์ และวัตถุดิบต่างๆ นี่ถ้ามีหุ่นกายวิภาคก็คงนึกว่ากลับมาเรียนมัธยมกันอีกรอบ
 
ชีวิตรักของผมก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ทำเกษตรมั่ง ทำสบู่มั่ง แชมพูมั่ง ก็สนุกดี
 
แต่เพราะคำว่าชีวิต...มันไม่เคยมีวันที่จะราบรื่นตลอดเวลา
 
แล้ววันหนึ่งมรสุมก็ก่อตัวขึ้น
 
เมื่อวิทเรียนจบชั้นมัธยมปลายก็สอบเข้าคณะแพทย์ตามที่ตั้งใจ แต่ก็สอบไม่ติดจึงเข้าเรียนคณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยเอกชนแทน
 
ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
 
แต่ว่านก็ยอมให้วิทเรียนในคณะที่เลือก เพราะเธอมีเงินเก็บและรายได้เพิ่มจากสวนสมุนไพรเล็กๆของที่บ้าน
 
ส่วนวิทก็ไม่ทำให้ที่บ้านผิดหวัง นอกจากจะตั้งใจเรียนแล้ว ถ้ามีเวลาก็จะกลับมาช่วยทำสวนของที่บ้านและยังหางานพิเศษทำอีกด้วย
 
ผมมองวิทแล้วเทียบกับตัวเองในอดีตก็รู้สึกว่าตัวผมในตอนนั้นทำตัวลอยชายมาก ไม่เคยคิดที่จะช่วยเหลือที่บ้านและตั้งใจเรียนแบบนี้เลย
 
แม้ผมจะเคยเสนอเงินช่วยค่าเทอมของวิท แต่ว่านก็ปฏิเสธตลอด
 
“ว่านอยากรับผิดชอบเรื่องนี้เอง แค่ธีย์มาช่วยเรื่องทำสวนให้ว่านโดยไม่คิดค่าแรง แค่นี้ว่านก็ตอบแทนไม่หมดแล้ว” ว่านให้เหตุผลกับผมและยิ้มเช่นเดิม
 
ไม่นาน...แม่ของว่านก็ล้มป่วยลงอีกคน
 
หมอตรวจพบว่าแม่ของว่านเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
 
โชคดีที่แม่ของว่านมีบัตรทองช่วยในค่ารักษา แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมาเช่นกัน เช่นค่าห้องพิเศษและยาบางตัวที่ไม่ครอบคลุม
 
ช่วงนั้นผมต้องมาอยู่เป็นเพื่อนว่านที่บ้านของเธอ เพราะวิทพักอยู่ที่หอพัก ส่วนแม่ของเธอพักอยู่ในโรงพยาบาล ว่านจึงต้องอยู่คนเดียวและเหนื่อยจนไม่มีแรงทำอะไรต่อ
 
ผมคอยมาช่วยดูแลบ้านและทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ แม้ว่านจะบอกเสมอว่าไม่ต้องทำ แต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้เธอแบกทุกอย่างไว้ที่ตัวคนเดียวและเหนื่อยจนไม่สามารถบอกใครได้
 
จนวันหนึ่งว่านก็เครียดมาก เธอร้องไห้กับผม
 
และเล่าเรื่อง...ความลับของเธอให้ผมฟัง
 
........................................................
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 29 วิกฤติของความสัมพันธ์