ย้อนอดีต ตามหา...แม่ของลูก
ตอนที่ 32 ไม่มีใครรู้
ผมนั่งร้องไห้อยู่ในโรงพยาบาลที่ว่านทำงานอยู่ หลังจากรีบขับรถออกมาตอนนั้นและได้เห็นศพของเธอ
 
พยาบาลที่เป็นเพื่อนของว่านบอกว่า ว่านขอตัวกลับบ้านเพราะคนที่ลากลับมาทำงานได้แล้ว ระหว่างที่ว่านกำลังยืนรอรถแท็กซี่อยู่ที่หน้าโรงพยาบาล ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งมาอย่างเร็วด้วยความเมา แล้วเสียหลักพุ่งชนว่านจนเสียชีวิต
 
“ว่านบอกว่าวันนี้วันเกิดธีย์ จึงอยากกลับไปเร็วหน่อย จะได้เปิดกล่องของขวัญพร้อมกัน”
 
ผมมองกล่องของขวัญในมือที่ว่านเคยให้ไว้ ก่อนจะค่อยๆแกะมันออกมาช้าๆ แล้วพบว่าข้างในมีรูปถ่ายใบหนึ่ง ที่มีเราทั้งสองครอบครัวถ่ายร่วมกันครบทุกคน เป็นรูปที่ถ่ายก่อนที่แม่ของว่านจะเสียจึงมีแม่ของว่านรวมอยู่ด้วย
 
ด้านหลังรูปมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือของว่าน
 
“ขอบคุณผู้ชายคนหนึ่ง...ที่ทำให้ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขที่สุดในโลก...สุขสันต์วันเกิดนะธีย์ ที่รักของว่าน”
 
น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อมองรูปใบนี้เพราะเป็นรูปเดียวที่ถ่ายเราทั้งสองครอบครัวไว้ครบ ในวันทำบุญบ้านของผม
 
เมื่อมองของที่อยู่ในกล่องผมก็เห็นสบู่สีเหลืองก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งเป็นรูปดอกทานตะวันมีโบว์ของขวัญติดอยู่พร้อมด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง
 
ผมหยิบสบู่ขึ้นมาดูมาดู ด้านหลังมีกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือติดอยู่
“สบู่ก้อนทำมือเดียวในโลก ที่มอบให้ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก”
 
นี่คงเป็นสบู่ก้อนแรกที่เธอทำขึ้นมาเพื่อจะขายหลังจากที่ไปเรียนมาและให้ผมเป็นของขวัญวันเกิด
 
ผมแกะจดหมายที่อยู่ในซองออกมาอ่าน ข้างในเป็นลายมือของว่านอีกเช่นเคย
 
“ถึงธีย์...”
 
“เป็นอย่างไรบ้างเห็นของขวัญที่ว่านให้หรือยัง ชอบไหม?
มันเป็นสบู่ที่ว่านตั้งใจทำมากเลยนะ
ถึงขั้นไปจ้างคนทำบล็อคใหม่เป็นรูปดอกทานตะวัน
ดอกไม้ที่ธีย์เคยปลูกให้วันที่ขอว่านเป็นแฟนไง จำได้ไหม
วันนี้ว่านให้ดอกทานตะวันดอกนี้กลับไปเพราะอยากให้กำลังใจธีย์เช่นกัน
 
ธีย์ว่านทำเอกสารเรื่องมอบอำนาจให้ธีย์ไว้แล้วนะ
และก็เขียนพินัยกรรมให้ธีย์เป็นผู้จัดการมรดกของว่านด้วย
ที่ว่านต้องทำแบบนี้เพราะว่าทั้งพ่อและแม่ของว่านต่างก็ป่วยเป็นมะเร็ง
และว่านเองก็เพิ่งตรวจเจอว่าเป็น แม้จะแค่ระยะเริ่มต้นแต่ก็กังวลเลยทำไว้ก่อน
 
ธีย์จำเรื่องทีเราทะเลาะกันบ่อย ๆ ได้ไหม เรื่องขายที่ดินและบ้านของว่านน่ะ
ว่านอยากให้ขายมันจริง ๆ นะ ไม่อยากให้ใครลำบากเพราะว่านอีกแล้ว
เราไปเช่าอยู่ที่อื่นก็ได้ เพราะว่านก็บอกวิทเช่นกัน
ว่าอาจไม่มีสมบัติอะไรให้นอกจากความรู้
 
ที่ว่านขอเรื่องนี้กับธีย์ในวันเกิด
เพราะคิดว่ามันเป็นวันดี ๆ ที่เราจะได้เริ่มชีวิตใหม่
จัดการเรื่องขายบ้านและที่ของว่านกันเถอะนะ
เราจะได้ไม่เครียดและกลับมายิ้มให้กันได้ทุก ๆ วันเหมือนเดิม
 
ความสุขไม่ได้อยู่ที่บ้านต้องเป็นของเรา
ความสุขไม่ได้อยู่ขนาดของบ้าน
แต่ความสุข...อยู่ที่เรารู้จักใช้ชีวิต
 
สุขสันต์วันเกิดนะ
 ว่านอยากให้ธีย์มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น
 
รักธีย์
 
จากว่าน”
 
หลังอ่านจดหมายจบ ทำให้ผมคิดถึงรอยยิ้มของเธอ
 
และคิดว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม ทำไมคนดีๆอย่างเธอต้องโชคร้ายแบบนี้
 
ความรู้สึกทั้งหมดระเบิดออกมาอีกครั้งและนั่งร้องไห้อยู่นาน เหมือนใจจะขาด
 
มันเป็นการร้องที่ไม่มีเสียงใดๆออกมา แต่พรั่งพรูด้วยความรู้สึกและน้ำตา
 
ความเศร้าที่เงียบที่สุดและหนักที่สุดในชีวิต
 
จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งดังขึ้นและปลุกผมให้เข้าสู่โลกปัจจุบัน
 
“ลุงธีย์ครับ” วิทเรียกชื่อผม หลังจากรู้ข่าวและรีบมาที่โรงพยาบาล
 
เราสองคนนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและเนื้อความในจดหมายของว่าน
 
“แม่เคยคุยเรื่องนี้กับผมแล้ว ลุงธีย์ขายเถอะครับ ถือว่าผมขอร้องอีกคน”
 
“ไม่ต้องห่วงผมนะครับ แม่มีเงินประกันชีวิตที่ทำไว้ให้ผม แถมตอนนี้ก็ฝึกงานเทอมสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวก็จบและเริ่มเป็นหมอ ถ้าเงินไม่พอผมอาจจะรบกวนให้ลุงธีย์จ่ายไปก่อนแล้วพอได้เงินเดือนผมจะทยอยจ่ายให้ทั้งหมดนะครับ” วิทขอร้องให้ผมขายที่ดินและบ้านของว่านเช่นกัน
 
สิ่งที่วิทพูดทำเอาผมรู้สึกว่าว่าน...โชคดีที่มีลูกชายแบบนี้
 
ตำรวจจับคนขับรถได้ในคืนนั้น เขาให้การปฎิเสธแล้วบอกว่าว่านเป็นคนเดินมาให้เข้าชนด้วยความตั้งใจ แต่ด้วยหลักฐานมากมายที่มัดตัวรวมถึงปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวที่เกิดกฎหมายไปมาก ทำให้ไม่มีใครเชื่อและรับโทษตามกฎหมายต่อไป
 
แม้เหตุการณ์ทุกอย่างจะดูเหมาะเจาะในวันเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าว่านเกิดอุบัติเหตุหรือตั้งใจกันแน่ คงมีแต่ตัวของเธอคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
 
งานศพของว่าน มีคนมาร่วมงานมากกว่าที่ผมคิด แม้ฝั่งญาติจะมีแค่ครอบครัวของผม คนที่มานอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนบ้านแล้ว ก็ยังมีคนไข้ที่ว่านเคยดูแลมาร่วมงานด้วย
 
“หนูว่านเป็นคนดีไม่น่าอายุสั้นเลย” คุณยายคนหนึ่งที่ว่านเคยดูแลตอนเข้าโรงพยาบาลมาร่วมงาน แล้วพูดกับผมและวิทในวันนั้น และตามมาด้วยอีกหลายๆคน
 
ทำให้พวกเราดีใจแทนว่าน ที่กลายเป็นที่รักของผู้คนมากมาย
 
พวกเราหวังว่าเธอเห็นภาพนี้แล้ว...คงจะมีความสุขอยู่บนสวรรค์
 
..........................
 
หลังงานศพว่าน ผมจัดการเรื่องขายบ้านและที่ดิน ราคาขายที่ตั้งมากกว่าตอนที่เราไปไถ่ถอนมา เพราะต้องการโป๊ะหนี้ก้อนใหม่ไปด้วย
 
แม้ราคาที่ดินของว่านจะสูงขึ้นเพราะตอนนี้กลายเป็นที่ติดถนนใหญ่แล้ว แต่ก็ยังหาคนมาซื้อยากเพราะเศรษฐกิจที่ซบเซา
 
แต่เราโชคดีเมื่อคุณยายที่เคยเป็นคนไข้ของว่านและเจอกันที่งานศพรู้ข่าวเรื่องขายบ้าน ก็มาติดต่อซื้อโดยไม่ต่อราคา
 
“ยายจะสั่งลูกหลานว่าที่แปลงนี้ห้ามขายใคร ถ้าจะขายก็ขายให้กับลูกชายของหนูว่านคนเดียวเท่านั้น”
 
นี่เป็นคำของคุณยายในวันที่ทำเรื่องโอน
 
หลังผมเคลียร์เงินกู้ทุกอย่างจบ เราก็ยังมีเงินเหลืออยู่ก้อนหนึ่งแม้จะไม่มาก แต่ผมก็มอบให้วิทเป็นทุนสำหรับเริ่มต้นชีวิต
 
วิทร้องไห้และขอบคุณผม
 
“ผมนับถือลุงธีย์เหมือนพ่อแท้ๆของผมคนหนึ่ง จากนี้ไปถ้าลุงธีย์ป่วยผมจะรักษาให้ฟรีเลยนะครับ”วิทให้คำสัญญากับผม
 
ผมใช้มือลูบหัววิทเบาๆ เพราะในใจผมก็คิดว่าวิทเป็นลูกชายคนหนึ่งของผมเช่นกัน
 
ไม่มีใครคิดว่าในอนาคต หมอหนุ่มที่ทำการรักษาผมที่นอนเป็นผักอยู่ในตอนนี้ก็คือวิทนั่นเอง!
 
และแล้วชีวิตของผมก็ดำเนินมาถึง...ความรักครั้งสุดท้าย!
 
..................
 
 
ตอนต่อไป
ตอนที่ 33 หาความสงบ